เนื่องด้วยสภาพการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ที่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา จึงทำให้การใช้ชีวิตจำเป็นต้องหาสิ่งที่ง่ายที่สุดเช่นการรับประทานอาหาร ซึ่งจำเป็นต้องเลือกทานอาหารที่ร้านสะดวกซื้อ หรือตามร้านทั่ว ๆ ไป ซึ่งอาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยแป้งและไขมัน ซึ่งพอรับประทานไปนาน ๆ อาจส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น หรือ มีภาวะอ้วนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงส่งผลให้มีผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก การผ่าตัด กระเพาะ จึงรับความนิยมกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน มีผู้ที่กำลังประสบปัญหาภาวะอ้วนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก เป็นวิธีทางการแพทย์ที่ช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาได้รับการตัดกระเพาะ ลดความอ้วนได้กลับมามีน้ำหนักได้เหมือนกับคนทั่วไปได้อย่างปกติ
เป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง ช่วยจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทาน รับประทานอาหารได้น้อยลงโดยไม่รู้สึกหิว และจะรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ป่วยประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักที่ได้ผลเป็นอย่างมาก จึงช่วยจำกัดปริมาณการบริโภคอาหารและนำไปสู่การลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งสามารถศึกษาหาข้อมูลก่อนการรักษาหรือขอคำปรึกษาก่อนการตัดสินใจเพื่อให้การผ่าตัดกระเพาะของคุณมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งมีคลินิกที่ให้บริการผ่าตัดกระเพาะเป็นจำนวนมาก เพื่อแก้ไขปัญหาให้คุณได้กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง ปราศจากโรคอ้วนอีกต่อไป ถือเป็นการรักษาภาวะอ้วนที่ได้ผลเป็นอย่างมาก
การผ่ากระเพาะ คืออะไร?
การผ่าตัดกระเพาะ เป็นการผ่าตัดลดขนาดของกระเพาะอาหารให้เล็กลงกว่าเดิม ซึ่งอาจมีการผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนทางเดินอาหารใหม่ ทำให้การดูดซึมอาหารลดลง โดยทั้ง 2 กลไกลนี้จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักลดลง ซึ่งการผ่าตัดกระเพาะอาหาร เพื่อลดน้ำหนัก ลดความอ้วน เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคอ้วน ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยตัวเองและมีโรคแทรกซ้อน ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้
การผ่าตัดกระเพาะ เหมาะกับใครบ้าง?
การผ่าตัดเหมาะกับคนอ้วนน้ำหนักเกิน แต่เราอาจจะไม่สามารถใช้เกณฑ์น้ำหนักตัวอย่างเดียวในการตัดสินใจ เพราะแต่ละคนมีส่วนสูงไม่เท่ากัน ดังนั้น จึงมีการใช้ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ในการวัดว่าใครอ้วนกว่าใคร โดยเอาน้ำหนักที่เป็นกิโลกรัมหารด้วยส่วนสูงที่เป็นเมตร (หารสองครั้ง) เมื่อได้ค่า BMI แล้วก็มาดูว่าใครที่เหมาะสมที่จะ ผ่าตัดกระเพาะ ได้ดังนี้
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 40
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 35 ที่มีโรคร่วมที่เกิดจากโรคอ้วนร่วมด้วย เนื่องจากน้ำหนักตัวมากเกินไป เช่น เบาหวาน, ความดัน, หยุดหายใจขณะหลับ
- เป็นคนอ้วน ที่เคยลดน้ำหนักวิธีต่าง ๆแล้วไม่ได้ผล เช่นการอดอาหาร การออกกำลังกาย หรือใช้ยา
- ในกรณีที่ดัชนีมวลกายไม่ถึงเกณฑ์แนะนำทำการ ดูดไขมัน แทน น่าจะเหมาะสมกว่าการผ่าตัดกระเพาะ
บทความแนะนำ ราคาดูดไขมัน เขาคิดกันยังไง? หาคำตอบกับ Rattinan.com กันครับ
วิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหาร มีกี่รูปแบบ?
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่สามารถผ่าตัดกระเพาะอาหาร สามารถทำได้ 5 รูปแบบดังนี้
- การใส่บอลลูนในกระเพาะ
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร (Intragastric Balloon) จริง ๆยังไม่ถือว่าเป็นการผ่าตัด เหมาะสำหรับ ผู้ที่อยากจะลดน้ำหนัก แต่ยังไม่อยากผ่าตัด หรือเหมาะกับคนที่พร้อมผ่าตัดกระเพาะ แต่มีภาวะเสี่ยงทำให้ยังไม่สามารถทำการผ่าตัดใด ๆได้ในตอนนี้ ต้องทำการใส่บอลลูนในกระเพาะก่อน เพื่อให้ช่วยให้น้ำหนักลดลงเบื้องต้น เพื่อลดความเสี่ยงแล้วอีกปีถัดมา อาจจะมาทำการผ่าตัดกระเพาะแบบถาวรกว่าต่อไป
- การใส่ห่วงรัดกระเพาะ
การใส่ห่วงรัดกระเพาะ ใช้การส่องเครื่องมือผ่านแผลขนาดเล็กบริเวณหน้าท้อง 3-4 แผล แล้วเอาห่วงไปคล้องเพื่อเข้าไปรัดส่วนบนของกระเพาะอาหารโดยไม่ได้ตัดอะไรออก ทำให้อาหารถูกกักไว้ ส่งผลให้รู้สึกอิ่มเร็ว รับประทานได้น้อยลง ทำให้น้ำหนักลดลง ห่วงจะต่อกับท่อเล็ก มาติดที่ผิวหนัง เพื่อปรับขนาดได้หากต้องการให้รัดแน่นขึ้นหรือคลายออก เครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดใส่ห่วงรัดกระเพาะ ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับวิธีผ่าตัดส่องกล้องโดยเฉพาะ ทำจากซิลิโคนและวัสดุที่ทนการกัดกร่อนได้ จึงใส่ได้เป็นเวลานาน เราสามารถปรับระดับความแน่นของห่วงมากหรือน้อยได้ โดยเพิ่มหรือลดระดับน้ำเกลือผ่านท่อเล็ก เมื่อห่วงแน่นมากก็จะกินได้น้อย แต่ถ้าห่วงหลวมเกินไปก็จะกินได้เป็นปกติ ถ้าควบคุมดี ๆ น้ำหนักก็กลับไม่ลดลงอีก
- การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบสลีฟ (Gastric Sleeve)
การผ่าตัดกระเพาะแบบสลีฟ (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy – LSG) ถูกออกแบบมาสำหรับคนไข้ที่อ้วนมาก เพิ่งเริ่มได้รับความนิยมและถือเป็นหนึ่งในวิธีมาตรฐาน การผ่าตัดแบบสลีฟ คือ การตัดเอากระเพาะออกไปประมาณ 75%-80% ซึ่งรวมถึงส่วนที่ผลิตฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวออกไป ทำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถรับประทานอาหารได้น้อยลง และสามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 40-60% จากน้ำหนักตั้งต้น อีกทั้งยังเป็นการรักษาโรค เช่น เบาหวาน ไขมัน ความดัน หยุดหายใจขณะหลับได้ด้วย
- การผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส
การผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส (Gastric Bypass – RYGB) เป็นการผ่าตัดรูปแบบมาตรฐานที่สุด แล้วยังเป็นวิธีที่ได้ผลลดน้ำหนักมากที่สุด โดยใช้เทคนิคส่องกล้องผ่าตัดแบบแผลเล็กเหมือนวิธีอื่น ๆ แต่จะเพิ่มการผ่าตัดลำไส้ส่วนที่ดูดซึมน้ำตาลออกด้วยบางส่วน ทำให้ลดน้ำหนักได้มากและนาน และยังทำให้กระเพาะไม่เกิดแรงดันสูง ซึ่งเหมาะกับการผ่าตัดสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อน เบาหวาน หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดแบบสลีฟได้
- การเย็บกระเพาะ แบบ Overstitch
การ เย็บกระเพาะ แบบ Overstitch เป็นเทคนิคใหม่ล่าสุด วิธีนี้จะเป็นการส่องกล้องทางปาก (Endoscopic sleeve gastroplasty by Overstitch) โดยใช้อุปกรณ์สอดใส่เข้าไปในปาก เพื่อทำการเย็บกระเพาะด้วยไหมชนิดพิเศษแทนการตัดกระเพาะออกไปเลย ข้อดีคือลดน้ำหนักได้โดย ไร้แผลหน้าท้อง ฟื้นตัวเร็ว อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ได้ดีอีกเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหยุดหายใจขณะหลับ ไขมันเกาะตับ เป็นต้น
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดกระเพาะ
- ตรวจร่างกายโดยละเอียด เช่น ตรวจเลือด, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์, ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, ตรวจสมรรถภาพปอด เพื่อให้การตัดกระเพาะ pantip ของคุณเกิดปัญหาได้
- ส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารให้มั่นใจว่าไม่มีความผิดปกติใด ๆ ของกระเพาะอาหาร ก่อนที่จะทำการผ่าตัด
- เตรียมความพร้อมด้านโภชนาการจากนักกำหนดอาหาร โดยจะมีประเมินและการปรับการรับประทานอาหารหลังทำการผ่าตัด
- ทดสอบสภาพจิตใจกับนักจิตวิทยาเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีโรคทางจิตเวชสำคัญที่ห้ามการผ่าตัด และเตรียมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังผ่าตัด
- ประเมินภาวะโรคที่มีความเสี่ยงก่อนผ่าตัดเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
- ตรวจการนอนหลับ STOP – BANG และตรวจวินิจฉัยการนอนหลับ Sleep Test
- เรียนรู้วิธีออกกำลังก่อนและหลังผ่าตัดอย่างถูกต้องกับแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
- งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 4 สัปดาห์ งดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัด 6 – 8 ชั่วโมง ถ้าต้องทานยาให้เป็นไปตามที่แพทย์สั่ง
- หากไม่แน่ใจว่าตั้งครรภ์ควรแจ้งแพทย์และพยาบาล
- ถ้าอยู่ในระหว่างรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ควรปรึกษาแพทย์ว่าสามารถรับประทานชนิดใดและต้องหยุดชนิดใดก่อนผ่าตัด
- กรุณาแจ้งแพทย์หากรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือประวัติการเจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคหลอดเลือด
- ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับยาฉีดป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันก่อนการผ่าตัดกระเพาะอาหาร 12 ชั่วโมง
การดูแลหลังผ่าตัดกระเพาะ
- รับสารอาหารและน้ำทางสายน้ำเกลือจนกว่าจะรับประทานอาหารเองได้
ใส่ปลอกสวมขาเพื่อป้องกันภาวะแข็งตัวในเส้นเลือดดำ โดยถอดออกเมื่อผู้ป่วยขยับตัวได้เอง และเมื่อขยับตัวได้ควรเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายโดยเร็ว เพื่อให้ทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติภายใน 2 – 3 วัน
- หากมีอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ปรึกษาแพทย์ทันที เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ > 120 ครั้ง ต่อนาที, มีไข้ 37.8 องศาเซลเซียส หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
- ควบคุมอาหารตามที่นักกำหนดอาหารวางแผนและให้คำปรึกษาอย่างเคร่งครัด
- การรับประทานอาหารหลังผ่าตัด แบ่งออกเป็น
– หลังผ่าตัดสัปดาห์แรก รับประทานได้เฉพาะอาหารเหลวครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อย ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่อัดลมและไม่เติมน้ำตาล ซุปใส น้ำผัก น้ำผลไม้ โยเกิร์ต เป็นต้น
– หลังผ่าตัดสัปดาห์ที่ 3 รับประทานอาหารชิ้นเล็ก ๆ โดยดื่มน้ำก่อนทานอาหาร 15 – 30 นาที เช่น ข้าวต้ม เป็นต้น เพื่อเตรียมปรับสู่การทานอาหารปกติ โดยทานปริมาณน้อย เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
- สามารถเริ่มออกกำลังเบา ๆ ได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 หลังการผ่าตัด และงดยกของหนัก 3 เดือน
- พบแพทย์ตามนัดอย่างเคร่งครัดเพื่อตรวจเช็คร่างกาย หรือหากมีอาการผิดปกติสามารถสอบถามเพิ่มเติมกับทางคลินิกได้
การเลือกคลินิกผ่าตัดกระเพาะ มีวิธีการเลือกอย่างไร?
- เป็นคลินิกที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน
เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดก่อนตัดสินใจผ่าตัดกระเพาะ ว่าผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะมีผลต่อร่างกายโดยตรง อาจมีการติดเชื้อหรือมีผลข้างเคียงได้ ควรศึกษาหารายละเอียดของคลินิกไม่ว่าจะเป็นสถานที่ เครื่องมือ ขั้นตอนและวิธีการต่าง ๆ ว่ามีความปลอดภัยได้มาตรฐานหรือไม่
- มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แพทย์ที่ทำการรักษาจะต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางซึ่งเราสามารถสืบประวัติของแพทย์ที่จะทำรักษาให้กับเราได้ชัดเจนได้อีกด้วย เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- เป็นคลินิกที่มีชื่อเสียงและการตอบรับที่ดี
ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ใช้ตัดสินใจในการผ่าตัดกระเพาะ เพราะการมีชื่อเสียงที่ดี ย่อมถูกสร้างมาอย่างดีที่สุดแน่นอน ยิ่งมีผู้ที่มาเข้ารับบริการหรือลูกค้าเป็นจำนวนมาก เป็นการยืนยันได้อีกเสียง ในการเป็นคลินิกที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี
- เป็นคลินิกที่มีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
ค่าใช้จ่ายเป็นอีกปัจจัยในการตัดสินใจเลือก ของถูกใช่ว่าจะคุ้มค่าเสมอไป เพราะของดีไม่มีทางที่จะถูกมากไปจนผิดสังเกต ราคาที่เหมาะสมบ่งบอกถึงคุณภาพวัสดุและเครื่องไม้เครื่องมือรวมถึงฝีมือบุคลากรได้เป็นอย่างดี ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เป็นตัวตัดสินใจได้เป็นอย่างดี
ข้อดีของการผ่าตัดกระเพาะ
- สามารถลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน
สำหรับผู้ที่อยากผ่าตัดกระเพาะอาหารรักษาโรคอ้วนจะทำที่ไหนดี ควรคิดถึงประโยชน์ที่เราจะได้มากที่สุด แต่สิ่งที่ผู้ป่วยควรรู้เอาไว้ก็คือ ถ้าผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวมาก และไม่สามารถออกกำลังกายลดน้ำหนักเร่งด่วนได้ เพราะอาจเกิดการบาดเจ็บ การรักษาด้วยวิธีนี้จะเกิดผลดีกับผู้ป่วยโรคอ้วนเป็นอย่างมาก ซึ่งควรได้รับการผ่าตัดกับโรงพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเครื่องไม้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ซึ่งวิธีการรักษาวิธีนี้ นอกจากผู้ป่วยจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติแล้ว ยังสามารถลดน้ำหนักแบบไม่ออกกำลังกายได้ อย่างเห็นผลอีกด้วย
2. รักษาโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ด้วยสาเหตุที่ว่า โรคอ้วน คือต้นเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ ทั้ง โรคความดันสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไขมันพอกตับ หรือเกิดภาวะนอนกรน หรืออาจเกิดอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับด้วยเช่นกัน แต่สำหรับการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วนนั้น จะช่วยให้ปัญหาเหล่านี้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้นหลังจากร่างกายมีน้ำหนักที่ลดลง ซึ่งสำหรับใครที่กำลังคิดอยากจะผ่าตัดกระเพาะอาหารรักษาโรคอ้วน แล้วจะทำที่ไหนดี ก็ควรศึกษาถึงข้อมูลกับแพทย์ที่กำลังจะทำการรักษาด้วยก็จะดีที่สุด
- แก้ไขได้ตรงสาเหตุ
ในการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วนนั้น เป็นการแก้ปัญหาที่สาเหตุ เพราะการผ่าตัดเพื่อลดขนาดของกระเพาะอาหาร หรืออีกนัยหนึ่งคือช่วยลดการซึมซับของลำไส้ ที่จะช่วยลดให้เกิดการรับประทานน้องลงด้วย ซึ่งการผ่าตัดที่นิยมทำกันมากที่สุด คือการผ่าตัดแบบแบ่งกระเพาะออกเป็นส่วนใหญ่ และส่วนเล็ก และนำลำไส้ส่วนปลายไปต่อกับกระเพาะเล็ก ๆ ที่ได้ตัดแบ่งไว้สำหรับให้อาหารไม่ผ่านลำไส้ส่วนที่ดูดซึมอาหารได้ดี ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยกินอาหารได้น้อย และอิ่มเร็วขึ้น ซึ่งผู้ที่อยากจะรักษาด้วยการผ่าตัดกระเพาะอาหารรักษาโรคอ้วน แต่จะทำที่ไหนดี ยังคงต้องรู้ถึงวินัยในการดูแลหลังจากการผ่าตัดด้วย เพราะจะต้องปรับเกี่ยวกับพฤติกรรมทางด้านการรับประทาน ซึ่งจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการผ่าตัดประมาณ 2 สัปดาห์จนถึง 3 เดือนเลยทีเดียว
แนะนำ Top 10 ผ่าตัดกระเพาะที่ไหนดี?
1. รัตตินันท์คลินิก
รัตตินันท์คลินิกมีมาตรฐานในการรักษาที่สามารถเชื่อถือได้ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ สังเกตได้จากมีชาวต่างชาติเดินทางมาเข้ารับการรักษา และขอคำปรึกษาจากรัตตินันท์คลินิกอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาที่คลินิกเปิดดำเนินการ มีศัลยแพทย์ทางเดินอาหาร & ผ่าตัดกระเพาะ ลดน้ำหนัก มีประสบการณ์กว่า 30 ปี ได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากอเมริกา โดยใช้เทคนิค Double Lock เพิ่มความปลอดภัยให้คนไข้มากขึ้น เทคนิคของ นพ.ปณต มีที่รัตตินันท์คลินิกเพียงที่เดียว ดำเนินการผ่าตัดที่โรงพยาบาล ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีเคสผ่าตัดกระเพาะ กว่า 300 ครั้ง/ปี ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก สำเร็จทุกเคส หลังผ่าตัด มีทีมแพทย์ ติดตามผล คอยให้คำแนะนำผู้ป่วย นาน 12 เดือน โปรแกรมการผ่าตัดกระเพาะ เหมาะสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวที่มาก และเป็นการรักษาที่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นหลังการผ่าตัด ที่รัตตินันท์คลินิก จะแบ่งย่อยโปรแกรมนี้เป็น 4 แบบด้วยกัน ใครจะได้แบบไหนก็ขึ้นกับน้ำหนักตัวของแต่ละคน ซึ่งต้องผ่านการประเมินจากทีมศัลยแพทย์เฉพาะทางทางเดินอาหารและการผ่าตัดโรคอ้วนที่ผ่านการอบรมการผ่าตัดมาจากอเมริกากันเลยทีเดียว 4 แบบที่ว่าก็จะมีดังนี้
- การใส่บอลลูนในกระเพาะ แบบนี้จะไม่มีแผลที่หน้าท้อง เพราะจะคล้ายการส่องกล้องกระเพาะอาหารทั่วไป แพทย์จะนำบอลลูนซิลิโคนเข้าไปในกระเพาะผ่านทางปาก แล้วเติมน้ำเกลือลงในบอลลูนนั้น เพื่อให้ตัวบอลลูนกินพื้นที่บางส่วนในกระเพาะไปนั่นเอง
- การใส่ห่วงรัดกระเพาะ แบบนี้จะมีแผลขนาดเล็กประมาณ 3-4 จุด เพื่อนำห่วงไปรัดส่วนบนของกระเพาะ เป็นการกักอาหารไว้ที่ด้านบน ก็คือลดขนาดของกระเพาะโดยไม่ได้ตัดอะไรออกมา
- การตัดกระเพาะบางส่วนแบบสลีฟ แม้ว่าอันนี้จะเป็นการตัดส่วนของกระเพาะออกไป แต่ก็ยังทิ้งไว้แค่แผลเล็ก ๆ เพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีอันทันสมัยของที่นี่
- การตัดกระเพาะแบบบายพาส สุดท้ายเป็นอันที่ซับซ้อนที่สุด มีการตัดและต่อหลายจุด แต่จากสถิติแล้ว พบว่าได้ผลมากที่สุดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะคนที่เป็นเบาหวานร่วมกับโรคอ้วน แนะนำวิธีนี้เลยดีที่สุด
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
รัตตินันท์คลินิก อาคารสิทธิวรกิจ (The Fifith) ชั้นที่ 12 A ถนนสีลม ซอย 3
เวลาให้บริการ : จันทร์ ถึง เสาร์ เวลา 10.00 น. – 20.00 น., หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เว็บไซต์ : www.rattinan.com
แอดไลน์ : @rattinanclinic
FB : facebook.com/rattinanclinic
เบอร์โทรศัพท์: 086 570 7040 , 086 323 4040
2. โรงพยาบาลศิครินทร์
โรงพยาบาลศิครินทร์ ตั้งอยู่ที่ บางนา กรุงเทพ ประเทศไทย ให้การรักษาด้าน การใส่บอลลูนในกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก โดยมีทั้งหมด 120 แบบการรักษา แยกเป็น 18 ประเภทความเชี่ยวชาญเฉพาะ โดยราคาสำหรับการรักษา การใส่บอลลูนในกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก นี้อยู่ที่ระหว่าง160,000 บาท ถึง 170,000 บาท ซึ่งในขณะที่ราคาเฉลี่ยของทุกสถานพยาบาลในประเทศอยู่ที่ประมาณ 176,575 บาท โดยการรักษาในโรงพยาบาลนี้ จะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งมีแพทย์จำนวนกว่า 22 ท่าน ให้การรักษาอยู่ และ โดยได้รับมาตรฐานการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล จากหลายองค์กร การรับรอง JCIการรับรองมาตรฐาน HA รับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008 สำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนสามารถสนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โรงพยาบาลศิครินทร์ กรุงเทพ
976 ถนนลาซาล แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพ 10260
โทรศัพท์ 1728 , 0-2366-9900
แฟกซ์ 0-2366-9942
3. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้การรักษาด้าน การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบสลีฟ โดยมีทั้งหมด 321 แบบการรักษา แยกเป็น 34 ประเภทความเชี่ยวชาญเฉพาะ ขณะนี้ที่ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ยังไม่มีข้อมูลราคาสำหรับ การผ่าตัดกระเพาะอาหารแบบสลีฟ แต่คุณสามารถขอใบเสนอราคาได้ ซึ่งในขณะที่ราคาเฉลี่ยของทุกสถานพยาบาลในประเทศอยู่ที่ประมาณ ฿375,629 บาท โดยการรักษาในโรงพยาบาลนี้ จะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งมีแพทย์จำนวนกว่า 10 ท่าน ให้การรักษาอยู่ และ โดยได้รับมาตรฐานการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล จากหลายองค์กร โดยผ่านการรับรอง JCI การรับรองมาตรฐาน HA การรักษาแบบบูรณาการที่มีคุณภาพ ให้การดูแลรักษาสุขภาพแบบครบวงจร โดยแพทย์ส่วนใหญ่ได้รับวุฒิบัตรในระดับสากลจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ www.bumrungrad.com
เบอร์โทรศัพท์: 081 834 3439 ตลอด 24 ชั่วโมง
Facebook : Bumrungrad International
Line : http://bit.ly/34ZDeOz
4. โรงพยาบาลกรุงเทพ
โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นผู้ให้บริการทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย ที่ได้รับความไว้วางใจมากว่า 48 ปี มั่นใจคุณภาพและความปลอดภัยได้ด้วยมาตรฐานรับรองจากสถาบัน JCI ซึ่งเป็นองค์กรกำกับมาตรฐานด้านการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก สำหรับการผ่าตัดกระเพาะอาหารที่โรงพยาบาลกรุงเทพ จะเป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายนำไขมันส่วนเกินสลายไปเป็นพลังงาน ซึ่งจะใช้หลักการว่า 6 เดือนหลังการผ่าตัด น้ำหนักของผู้เข้ารับการรักษาจะลดไปถึงจุดที่ควรจะเป็น การดูแลเป็นแบบองค์รวมซึ่งจะใช้ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา เพื่อการดูแลอย่างดีที่สุด โดยก่อนการผ่าตัดจะต้องมีการประเมินและตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์: 02 310 3000 หรือ 1719
เว็บไซต์: www.bangkokhospital.com
5. โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งอยู่ที่ จอมทอง, กรุงเทพ, ประเทศไทย ให้การรักษาด้าน การใส่บอลลูนในกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก โดยมีทั้งหมด 90 แบบการรักษา แยกเป็น 16 ประเภทความเชี่ยวชาญเฉพาะ โดยราคาสำหรับการรักษา การใส่บอลลูนในกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก นี้อยู่ที่ระหว่าง ฿200,000 บาท ถึง ฿220,000 บาท ซึ่งในขณะที่ราคาเฉลี่ยของทุกสถานพยาบาลในประเทศอยู่ที่ประมาณ ฿176,575 บาท โดยการรักษาในโรงพยาบาลนี้ จะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งมีแพทย์จำนวนกว่า 13 ท่าน ให้การรักษาอยู่ และ โดยได้รับมาตรฐานการรับรองคุณภาพสถานพยาบาล จากหลายองค์กร โดยมีดังต่อไปนี้ การรับรอง JCIการรับรองมาตรฐาน HA
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์ : 0-2109-9111
เว็บไซต์ : www.bangpakokhospital.com
6. โรงพยาบาลศิริราช
ในปัจจุบันนี้การรักษาโรคอ้วนมีหลายวิธี อาทิเช่น การออกกำลังกาย, การรักษาด้วยยา, การควบคุมอาหาร ซึ่งวิธีในการรักษาโรคอ้วนที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือการรักษาโดยการผ่าตัดกระเพาะ เพื่อลดขนาดกระเพาะให้เล็กลง ใช้วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic surgery) ที่จะทำให้เจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวเร็ว นอนโรงพยาบาลสั้น สำหรับการผ่าตัดกระเพาะ เพื่อรักษาโรคอ้วนที่โรงพยาบาลศิริราชจะมีเกณฑ์การรับผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด อ้างอิงตาม National Instates of Health ปี 1991 ได้แก่ เป็นผู้ป่วยโรคอ้วนที่มี BMI มากกว่า 40 kg/m2, ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มี BMI 35-40 kg/m2 และมีโรคประจำตัวได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวานชนิดที่ 2 ไขมันในเลือดสูง โรคหยุดหายในขณะหลับ โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคข้อเสื่อม เป็นต้น และผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีอายุระหว่าง 18 – 70 ปี เป็นต้น โดยการผ่าตัดลดความอ้วน จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีโอกาสที่มีชีวิตยืนยาวขึ้น และโรคประจำตัวต่าง ๆ ลดลงจนอาจจะหายขาดได้
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทร.02-414-1363 , 02-414-1357
เวลา 07.00-15.00 น. (วันจันทร์ – วันศุกร์)
หรือ Call Center 02-419-9801 เวลา 7.00-20.00 น.(วันจันทร์ – วันศุกร์)
เวลา 7.00 – 15.00 น. (วันเสาร์ – วันอาทิตย์)
7. โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์
ผ่าตัดโดย พญ. ขวัญนรา เกตุวงศ์ ศัลยแพทย์เชี่ยวชาญผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก มีประสบการณ์กว่า ปี ได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากอเมริกา ดำเนินการผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมาตรฐาน JCI สากลระดับโลก ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก สำเร็จทุกเคส ไม่มีปัญหาหลังผ่าตัดหลังผ่าตัด มีทีมแพทย์ ติดตามผล คอยให้คำแนะนำผู้ป่วย นาน 12 เดือน แผลเล็ก เจ็บน้อย หายไว
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 02 033 2900
เว็บไซต์ : http://www.chularat3.com/
8. โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล
โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล เป็นโรงพยาบาลที่ให้การรักษาผู้ป่วยด้วยมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากลและเป็นที่ยอมรับโดย สถาบัน JCI ซึ่งให้การดูแลรักษาด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทีมบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นอย่างดี แพทย์มีผ่าตัดกระเพาะที่มีประสบการณ์ และมีความชำนาญสูง มีทีมดูแลรักษา ก่อน และหลังการผ่าตัดกระเพาะ มีเครื่องมือผ่าตัดด้วยกล้อง ที่ทันสมัย มีทีมที่มีประสบการณ์ช่วยการผ่าตัดสูง ห้องผ่าตัดทันสมัย เพียบพร้อมห้องพักผู้ป่วยเป็นส่วนตัว สะดวก สบาย สะอาดโรงพยาบาล มาตรฐาน ระดับสากล JCI
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์ : 02559 0155
อีเมล : [email protected]
เว็บไซต์: skin.kamolhospital.com
9. โรงพยาบาลพญาไท
โรงพยาบาลพญาไท ให้การบริการด้วยความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง บริการที่เป็นเลิศ ภายใต้ปรัชญาการบริหาร ด้วยการเน้นหนักความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ โดยการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาของผู้ป่วยโรคอ้วน ให้บริการผ่าตัดแบบส่องกล้อง จะมีวิธีการผ่าตัดอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ การผ่าตัดกระเพาะด้านบนให้มีขนาดเล็ก (Gastric Bypass) ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง พักฟื้น 3 วัน และการผ่าตัดกระเพาะให้มีรูปร่างคล้ายกล้วยหอม (Sleeve Gastrectomy) วิธีนี้จะใช้การพักฟื้น 3 วันเช่นกัน โดยแพทย์จะต้องวิเคราะห์และพูดคุยกับผู้รับการรักษาก่อน เพื่อเลือกวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุด และหลังจากการผ่าตัดแล้วผู้เข้ารับการรักษาต้องปฏิบัติตามกฎเหล็ก 4 ข้อ คือ ถ้าไม่รู้สึกหิวก็ต้องไม่กิน, ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีพลังงานสูง, ออกกำลังกายวันละ 30 นาทีต่อเนื่องทุกวัน และห้ามดื่มน้ำพร้อมมื้ออาหาร เป็นการเว้นระยะเวลาให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานที่สุด อย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จึงจะดื่มน้ำได้ เพื่อให้รู้สึกอิ่มได้นาน
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์ : 1772
เว็บไซต์ : www.phyathai.com
10. โรงพยาบาลพระรามเก้า
โรงพยาบาลพระรามเก้า มีชื่อเสียงและมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการทำหัตถการผ่าตัดแผลเล็ก ในส่วนของการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ที่โรงพยาบาลพระรามเก้าใช้การผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งเป็นการผ่าตัดแผลเล็กด้วยเทคโนโลยี 4K ทำให้ฟื้นตัวไว ไม่แผลใหญ่ค่ะ และก่อนผ่าตัดจะต้องปรึกษาและประเมินสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับทราบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์ : 1270
อีเมล์ : [email protected]
เว็บไซต์ : www.praram9.com
Line@ : @praram9hospital
ถือได้ว่ามีคลินิกที่ให้บริการผ่าตัดกระเพาะอย่างมากมาย แต่คลินิกที่อยากแนะนำให้กับผู้ที่กำลังประสบปัญหาภาวะอ้วน ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดนั้นก็คือ รัตตินันท์คลินิก เป็นคลินิกที่ได้รับมาตรฐานและมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด มีความชำนาญพิเศษด้านศัลยศาสตร์ส่องกล้อง ศัลยศาสตร์ทางเดินอาหารและผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักจากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชและโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีประสบการณ์ด้านการผ่าตัดกระเพาะมายาวนานกว่า 30 ปี มีมาตรฐานในการรักษาที่สามารถเชื่อถือได้ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้ผู้ที่ได้รับการรักษาผ่าตัดกระเพาะมีความเชื่อมั่นในทีมแพทย์ที่ให้การรักษาอย่างแน่นอน