ดูดไขมันต้นแขน ดีไหม?

การดูดไขมันเป็นการลดเฉพาะสัดส่วน ซึ่งไม่ใช่การลดความอ้วนแต่เป็นการลดส่วนที่บกพร่องของร่างกายให้กลับมาดูดี  เหมาะสำหรับที่มีปัญหาเรื่องสัดส่วน มีไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจนเกินงามในบางจุด เช่น ที่บริเวณใต้คาง คอ หน้าท้อง สะโพก ต้นขา เป็นต้น และการออกกำลังกายอาจไม่ได้ช่วยอะไร ดังนั้นการดูดไขมันจึงเป็นตัวช่วยที่ดี

การดูดไขมันด้วยวิธี Vaser Liposuction เป็นการดูดไขมันที่ปลอดภัย เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว โดยการดูดไขมันนั้นเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้รูปร่างดูดีขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่มีไขมันส่วนเกิน ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ดูดไขมันด้วยเครื่อง VASER ทำได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย อาการของการเจ็บปวดและรอยฟกช้ำหลังจากทำมีน้อยกว่า หลังจากทำการดูดไขมัน คนไข้จะฟื้นตัวได้เร็วกว่าการดูดไขมันแบบเก่า หลังการทำเซลล์ไขมันจะหดหายไป โดยที่เนื้อเยื่อรอบ ๆ ข้างยังเป็นปกติ เหมือนเดิม ซึ่งจะไม่ทำลายเนื้อเยื่อ ทำให้เสียเลือดน้อยมาก

ดูดไขมันต้นแขน

ตำแหน่งแผลดูดไขมันต้นแขน

เรื่องแผลเป็นถือว่าเป็นผลข้างเคียงสำคัญอย่างหนึ่งของการดูดไขมันบริเวณนี้ เพราะว่าถ้าหลาย ๆ คนดูดไขมันไปก็อยากจะใส่แขนกุด ดังนั้นหากจะทำการดูดไขมันต้นแขน สามารถลงได้สองตำแหน่งคือ 1. บริเวณของข้อศอก บริเวณรอยย่นข้อศอก 2. บริเวณรักแร้ ซึ่งที่จริงแล้วแผลก็ไม่ได้ใหญ่มาก จะมีขนาด 1.5 เซนติเมตรเท่านั้น

การดูแลหลังผ่าตัดดูดไขมัน

การดูดไขมันบริเวณแขน ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างเจ็บน้อย เมื่อเทียบกับบริเวณอื่น และการดูแลก็ค่อนข้างง่ายกว่าบริเวณอื่นมาก หลังผ่าตัดแพทย์จะทำการรัดผ้าบริเวณที่ทำการดูด ซึ่งการรัดนั้นไม่ควรจะแน่นมาก หรือหลวมมากเกินไป ซึ่งที่รัดที่แน่นมากอาจทำให้เกิดแผลกดทับบริเวณรักแร้ได้ ถ้าเป็นไปได้ในช่วงแรกควรเลือกที่รัดที่ยาวจนถึงข้อมือเพิ่มลดอาการบวมที่อาจเกิดขึ้น สำหรับระยะเวลานั้น ควรรัดอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเดือนแรกและรัดอย่างน้อย 12 ชั่วโมง ในช่วงเดือนที่สองเป็นต้นไป ถ้าเป็นไปได้ควรรัดต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อความกระชับของผิวหนัง

หลังการผ่าตัดในช่วงอาทิตย์แรกมักมีอาการเขียวช้ำ ให้ประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก และประคบอุ่นหลังจากนั้น ยังไม่ควรนวดจนกว่าจะหายเจ็บ หรือเข้าสัปดาห์ที่ 6 โดยทั่วไปหลังดูดไขมัน แขนจะมีอาการบวมลดลงเรื่อยๆ แต่ถ้าแขนบวมมากขึ้น บริเวณที่ดูดหรือรู้สึกว่ามีก้อนน้ำอยู่ควรรีบปรึกษาแพทย์ 

ควรทำแผลทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ไม่ควรให้แผลโดนน้ำ และทำแผลใหม่ทุกครั้งหลังสัมผัสน้ำ ห้ามปล่อยให้แผลชื้น เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้

คนไข้สามารถกลับมาทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังทำ แต่สำหรับการออกกำลังกายควรงดอย่างน้อย 3 อาทิตย์ หรือให้แขนลดอาการปวดระบมลงก่อน

การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมัน

  • ผู้ที่จะเข้ารับการดูดไขมันก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การดูดไขมันไม่ใช่การลดความอ้วน แต่เป็นการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ปัญหาไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน ไม่สามารถลงได้ง่ายโดยการออกกำลังกาย   
  • การเลือกคลินิกก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ต้องเลือก คลินิกที่ดี ดูสะอาดได้มาตรฐานเปิดเผยและมีใบรับรองอย่างถูกต้อง
  • ดำเนินการโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์โดยตรงและยืนยันได้เพราะการดูดไขมันนั้นต้องใช้เทคนิคและความรู้มากทีเดียวซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยของผู้รับการดูดไขมันโดนตรง
  • ควรเลือกคลินิกที่มีเจ้าหน้าที่หรือแพทย์มีความซื่อสัตย์กับลูกค้า แจ้งข้อมูลกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการปกปิด โปร่งใส น่าเชื่อถือ 
  • พนักงานต้อนรับยิ้มแย้ม พูดจาสุภาพและใส่ใจรักบริการ พร้อมให้คำปรึกษาผู้ที่สนใจดูดไขมัน เนื่องจากการดูดไขมันมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ผู้ที่สนใจจึงต้องสอบถามอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่ที่ใส่ใจจึงจำเป็นมากในการให้ความมั่นใจกับลูกค้า
  • มีการเลือกใช้นวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในการดูดไขมัน เลือกใช้เทคโนโลยีในการดูดไขมัน ที่ได้ผลได้ผลดี, ปลอดภัย ไม่น่ากลัว และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ขั้นตอนของการดูดไขมัน

ปัจจุบันเทคนิคการดูดไขมันทำได้ง่าย ๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยส่วนใหญ่จะใช้ Ultrasound – assisted liposuction นั่นคือ การใช้คลื่นอัลตราซาวด์ ในการสลายไขมันก่อนที่จะทำการดูดไขมัน

ก่อนการดูดไขมันแพทย์จะทำการทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และประเมินบริเวณที่ต้องการรักษา โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษา จากนั้นจะทำความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมสำหรับการผ่าตัด เช่น การตรวจเลือด การหยุดยาบางชนิด ในวันผ่าตัด แพทย์จะทำการตรวจประเมินร่างกายถึงความพร้อมอีกครั้ง ก่อนเข้ารับการดูดไขมัน

จากนั้นแพทย์จะให้ยาชา ในการระงับความเจ็บปวดนั้น ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด 

ภาวะแทรกซ้อนจากการดูดไขมัน

  1. ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอาจเกิดจากการได้รับยาชาที่เกินขนาด
  2. ภาวะแทรกซ้อนทั่ว ๆ ไป

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องความคาดหวังของผู้รับบริการมากกว่าว่าผลของการดูดไขมัน 

  1. ภาวะผิวหนังเป็นคลื่นไม่เรียบ เกิดได้สำหรับการดูดไขมันในชั้นที่ตื้นเกินไปหรือดูดไขมันในบริเวณที่มีไขมันไม่มากอยู่แล้ว ส่วนการมีผิวหนังห้อยย้อยจะเกิดในการดูดไขมันในผู้สูงอายุมาก ความยืดหยุ่นผิวหนังไม่ดี ไม่กระชับ