ดูดไขมันหน้า แก้ม เหมาะกับใครบ้าง?

ดูดไขมันหน้าแกมเป็นเทคโนโลยี ในการกำจัดไขมันหน้า แก้ม โดยไปสลายไขมันและดูดออกในครั้งเดียว โดยไม่จำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำหลายครั้ง ด้วยความก้าวหน้าทางนวัตกรรมการดูดไขมัน สามารถทำในพื้นที่เล็ก ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า แก้ม เหนียง ใต้คาง ซึ่งหากทำแล้วจะทำให้เกิดความฟกช้ำ ระบมน้อย เสียเลือดน้อย ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน เพียง 2-3 ชม. เท่านั้น ทำเพียงครั้งเดียวก็เห็นสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ไม่ทิ้งรอยแผลใหญ่มีเพียงรอยแผลเล็กๆ ขนาดประมาณ 0.1 – 0.3 mm. ไม่จำเป็นต้องเย็บปิดปากแผล โอกาสเกิดรอยแผลเป็นหลังทำน้อย ทำเสร็จแล้ว คนไข้สามารถเดินทางกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น ให้ผลการรักษาที่เป็นธรรมชาติ

การดูดไขมันหน้าแก้ม การรักษาวิธีนี้เหมาะกับใครบ้าง

ดูดไขมันหน้า แก้ม

  • ผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสม บริเวณใบหน้า แก้ม มีคางสองชั้น (double chin) มีแก้มมาก แก้มห้อย กรอบหน้าไม่ชัด
  • อายุ 20-50 ปี ยิ่งอายุน้อยผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีเนื่องจากมีการกระชับของผิวหนังที่ดีกว่า
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้กรอบหน้าคมชัด ทำให้รูปหน้าเรียว 

การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันหน้า แก้ม

  • ก่อนอื่นต้องเข้าพบแพทย์เพื่อเตรียมความพร้อม พร้อมทั้งตรวจร่างการ บางคนอาจมีการตรวจเลือด เพื่อให้แพทย์ทราบถึงความเข้มข้นของเกล็ดเลือด ลักษณะของเม็ดเลือด
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดยา อาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • ก่อนการดูดไขมันอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ผู้เข้ารับการใช้บริการสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ
  • และท่านจะต้องเตรียมเสื้อผ้าสีเข้มไว้สำหรับใส่ในวันดูดไขมัน เพราะหลังจากการดูดไขมันจะมีน้ำซึมออกมา อาจจะทำให้น้ำซึมหยดลงบนเสื้อผ้าเห็นคราบได้

หลังการการดูดไขมันบนใบหน้า แก้ม

  • ประมาณ 1 –  2 วัน หลังทำการดูดไขมัน จะมีน้ำซึมออกมาเรื่อย ๆ
  • แผลผ่าตัดแพทย์ส่วนใหญ่จะเย็บด้วยไหมชนิดที่ต้องตัดออก ดังนั้นใน 1 สัปดาห์หลังผ่าตัดแพทย์จะนัดมาทำการตัดไหม
  • หลังการดูดไขมันท่านสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้  หลังทำการดูดไขมันได้ 3 สัปดาห์ สามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้ และหลัง 6 สัปดาห์สามารถออกกำลังกายแบบหนักได้
  • อาการบวมจะเป็นนานมากที่สุด ซึ่งอาจจะนานถึง 3 เดือน เพราะการดูดไขมันจะไปรบกวนระบบน้ำเหลืองและการไหลเวียนเลือดได้บ้าง ทำให้ฟื้นตัวได้นานสุด แต่อาการช้ำและปวดจะดีขึ้นภายใน 2 – 3 สัปดาห์
  • เมื่อผ่านไป 3 เดือน จะเห็นผลการรักษาได้ 80 – 90%
  • บริเวณที่ทำการดูดไขมันอาจจะมีอาการปลายประสาทอักเสบ รู้สึกชา ซึ่งจะหายไปได้เองเมื่อครบ 3 เดือน

การดูแลหลังดูดไขมันหน้า แก้ม

  • หลีกเลี่ยง ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำอย่างน้อย 7 วัน 
  • หลังจากทำการดูดไขมันแล้ว อาจเกิดการบวมหรือระบมช้ำได้บ้าง ดังนั้นควรทานยาที่คุณหมอจ่ายให้ ให้ครบถ้วน
  • มาตามนัดของแพทย์ทุกครั้ง หากมีการเย็บปิดปากแผล แพทย์จะทำการนัดตัดไหมหลังทำการรักษาไปแล้ว 7 วัน
  • หลังการดูดไขมันแก้ม ต้องใส่ผ้ายืดรัดทันที และควรใส่อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือน
  • ควรงดการดื่มสุรา , สูบหรี่ , อาหารหมักดอง , อาหารทะเล พวกอาหารแสลงอย่างน้อย 1 สัปดาห์

ข้อดีของการดูดไขมันใบหน้า

  • สามารถเลือกกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมตามร่างกายเฉพาะจุดได้
  • ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน และในบางรายอาจไม่ต้องพักฟื้นเลยสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้
  • ไขมันส่วนเกินที่ไม่ต้องการก็ได้ถูกดูดออกไป และการดูดไขมันด้วยบางวิธียังสามารถนำไขมันส่วนเกินที่ถูกดูดออกมาแล้ว ไปเพิ่มที่อื่นได้เพราะมันคือส่วนหนึ่งของร่างกาย
  • หากถ้าเราควบคุมเรื่องอาหารการกิน คุณดูแลตัวเองให้ดีหลังจากที่ดูดไขมันไปแล้ว ผลของการรักษาก็จะอยู่ได้นาน ไขมันอาจไม่กลับมาอีก 

ขั้นตอนการดูดไขมัน

ปัจจุบันทางการแพทย์จะทำการฉีดยาชา เพื่อเปิดแผล ขนาดประมาณ 0.5-1 cm แพทย์จะใช้เครื่องมือที่เป็นแท่งยาวขนาดเล็ก (Blunt cannula) ใส่น้ำเกลือที่ผสมด้วย ยาชา และยาห้ามเลือด (Tumescent technique) โดยจะใส่เข้าไปจนทั่วชั้นไขมัน ของบริเวณที่ต้องการรักษาซึ่งหลังจากการฉีด คนไข้จะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณนี้แล้ว และจะทำให้ลดปริมาณเลือดที่ไหลระหว่างการทำอีกด้วย หลังจากการใส่ยาชาจนทั่วแล้ว ยาออกฤทธิ์ จะเป็นขั้นตอนของการสลายไขมัน ด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ซึ่งคลื่นอัลตราซาวด์จะส่งพลังงาน สั่นสะเทือนผนังของ เซลล์ไขมันให้แตกออกและสลายเป็นน้ำ ซึ่งปัจจุบันเครื่องมืออัลตราซาวด์นี้ จะสามารถทำลายไขมัน โดยที่ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ เช่นเส้นเลือด หรือเส้นประสาทเลยและเมื่อไขมันแตกสลายเป็นน้ำหมดแล้ว แพทย์จะทำการดูดไขมันออกโดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมดนี้แล้ว แพทย์จะทำการเย็บแผล ซึ่งแผลจะมีขนาดเล็กและเย็บไม่เกิน 2 เข็มและจะใช้ไหมที่สามารถถอดได้ ส่วนหลังการผ่าตัด จะมีน้ำเกลือไหลออกมาจากแผลผ่าตัด เพื่อระบายน้ำเกลือและยาชาที่ค้างอยู่ในบริเวณที่ทำการรักษาหลังการรักษา แพทย์จะทำการทำความสะอาดบริเวณที่ผ่าตัด และพันผ้าเพื่อกระชับผิวหนังบริเวณที่ผ่าตัด ให้ยุบบวมและเข้ารูปที่สวยงาม ดังนั้นการดูดไขมันนอกจากจะต้องทำกับแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและความชำนาญแล้ว ต้องเป็นแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านหัตถการด้วยเพื่อที่จะเย็นแผลออกมาได้อย่างสวยงาม และเกิดแผลเป็นให้น้อยที่สุด