ดูดไขมันเจ็บไหม มีวิธีอย่างไรบ้าง?

การดูดไขมันเจ็บไหมเป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลาย ๆ คนที่กำลังคิดจะดูดไขมันกำลังกังวล ซึ่งหากเราได้ไปฟัง หรือดูรีวิวจากผู้มีประสบการณ์ในการดูดไขมันมาจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ็บ แต่จะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของแต่ละบุคคล และวิธีทำของแพทย์ หากคุณได้รับการดูดไขมันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ก็จะช่วยลดความเจ็บลงเพราะแพทย์ที่เชี่ยวชาญจะมีเทคนิคในการทำอยู่แล้ว ดังนั้นก่อนทำควรเลือกคลินิกที่ปลอดภัย มีบุคลากรที่มีประสบการณ์ คลินิกที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ซึ่งราคาอาจสูงแต่ก็ถือกับคุ้มหากเราทำแล้วได้ผลที่น่าพอใจและลดอาการเจ็บขณะทำ จริง ๆ แล้วราคาไม่ใช่ส่วนสำคัญในการดูดไขมัน การที่หากเราเลือกราคาถูก อาจเป็นเรื่องที่ดีในช่วงก่อนทำ แต่หลังทำเสร็จแล้ว เห็นผลลัพธ์และสัมผัสกับอาการเจ็บปวดแล้ว อาจทำให้เราต้องเสียเงินเพิ่ม ดังนั้นควรเลือกคลินิกที่ราคามาตรฐาน ปัจจุบันในยุคโลกโซเซียลเราสามารถหาข้อมูลได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ หรือราคา คุณก็สามารถค้นหาได้ทางอินเทอร์เน็ต หรือโทรไปสอบถามข้อมูลที่ขึ้นไว้หน้าเว็บ ได้ตลอดเวลาทำการ

การดูดไขมันตัวช่วยในการลดความเจ็บ

ดูดไขมัน

การใช้ยาสลบ

การใช้ยาสลบอย่างเดียว ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี เพราะทำให้เจ็บมากหลังดูดเสร็จ ไม่มีผลจากยาชาช่วยลดความเจ็บปวดลง ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กับการดูดไขมันขนาดใหญ่ หลายจุด เพราะการใช้ยาสลบค่อยข้างเสี่ยงคนไข้ไม่ฟื้นเหมือนที่เป็นข่าวดังในอดีต ดังนั้นแล้วคลินิกจะไม่ค่อยใช้กัน ส่วนใหญ่จะใช้กับสถานบริการระดับโรงพยาบาล ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม รองรับเคสฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี

การดูดไขมันด้วยยาชา 

ส่วนใหญ่จะลดความเจ็บปวดไปได้มากจนไม่รู้สึกอะไรเลยหลังฉีดเสร็จ แต่ขณะที่ทำการดูดไขมันก็รู้สึกเจ็บอยู่ตลอดแต่ไม่มาก หลังยาชาหมดผลในไม่กี่ชั่วโมงหลังที่ดูดเสร็จ ถ้าเตรียมใจไว้ ทนได้แทบทุกคน อีกทั้งมียาลดความปวดในช่วงเวลาหนึ่ง และความเจ็บปวดจะหายไปภายในไม่กี่วัน

เลือกแพทย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลินิกที่ได้มาตรฐานก็มีผลมาก

  • เครื่องมือที่ดีจะทำให้การทำงานของแพทย์ง่ายขึ้น ใช้แรงน้อยลง ส่งผลดีต่อผู้เข้ารับการรักษา
  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีฝีมือดีจะสามารถทำการดูดไขมันได้อย่างนุ่มนวล ปลอดภัย ทำให้อาการบาดเจ็บหลังการศัลยกรรมจะลดไปมาก
  • เลือกใช้ยาชา จะเจ็บแค่ช่วงฉีดยา แต่จะไม่รู้สึกระหว่างและช่วงหลังทำเสร็จ เดินกลับสบาย ต่างจากยาสลบที่ความเจ็บยังหลงเหลืออยู่ในช่วงที่ได้สติ

เครื่องมือที่ใช้ในการดูดไขมันก็สามารถช่วยลดความเจ็บลงได้

ประเภทของเครื่องมือดูดไขมันก็มีผลไม่น้อย เช่นดูดไขมันด้วยเครื่อง Vaser ใช้ความร้อนสูงกว่าอุปกรณ์ดูดไขมันแบบอื่น มีโอกาสเกิดการไหม้ได้ จนสร้างความเจ็บปวดหลังยาชาหมดฤทธิ์ ส่วน Water Jet ถึงมีจุดดีที่เอาไขมันมาเติมจุดอื่นได้ แต่ผลลัพธ์ไม่ค่อยสวย รวมทั้งพวกเครื่องมือใหม่ที่ตั้งชื่อแบบไฮโซ แต่หิ้วมาจากจีนหรือเกาหลี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือแพทย์ด้วย เพราะบางคนถนัดใช้พวก Vaser และ Water Jet จนชำนาญ

การดูดไขมันปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ประเภท 

1.ดูดไขมันแบบเดิม (Tumescent Liposuction) ที่ทำให้ไขมันดูดง่าย

  1. ดูดไขมันภายนอก (Non-invasive Liposuction) คือ ใช้คลื่น หรือ ความเย็น ผ่านผิวหนัง เข้าไปทำลายไขมันโดยตรง เซลล์ตายและสลายไปในภายหลัง มีหลายวิธีที่พัฒนาขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่าง Ultrasound, Laser, Radiofrequency, Cryolipolysis (CoolSculpting) ปัจจุบันนิยมใช้เครื่องมือเหล่านี้กัน
  • การดูดไขมันแบบเวเซอร์ (VASER Liposuction : The Vibration Amplification of Sound Energy at Resonance) คือการดูดไขมันด้วยเทคนิคใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์จากการสั่นไปสลายไขมันให้เหลว ทำให้สามารถดูดออกมาได้ง่ายขึ้น ทำให้รอยแผลเล็ก เจ็บตัวน้อย โดยไม่ทำลายเซลล์ประสาทหรือหลอดเลือดใกล้เคียง เหมาะกับคนที่ต้องการดูดไขมันปริมาณเยอะ ไม่เจ็บตัวมาก ทำแล้วแผลหายไว ไม่ต้องพักฟื้นแต่ต้องมีกำลังทรัพย์มากพอสมควร
  • การดูดไขมันด้วยคลื่นไฟฟ้า (Body Tite) คือการใช้เทคนิคยิงคลื่นวิทยุร่วมกับคลื่นความร้อนเข้าไปละลายไขมันให้เหลวเช่นเดียวกัน ต่างกับแบบเวเซอร์ตรงที่ช่วยเรื่องกระชับผิวไปในตัวด้วย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากดูดไขมันแล้วดูสวย ดูตึงแบบเนียน ๆ ไม่ต้องเย็บเก็บหนังหน้าท้องในภายหลัง แต่ราคาค่อนข้างสูงเหมือนกัน
  • การดูดไขมันแบบพาวเวอร์ (PAL : Power Assisted Liposuction) คล้ายกับการดูดไขมันด้วยท่อแบบเก่า แต่ใช้เครื่องมือหัวมอเตอร์แบบสั่นที่ทันสมัย ทำให้สามารถแยกชั้นไขมันที่สะสมมานานจนเป็นพังผืดได้ดี มีประสิทธิภาพในเรื่องของการสลายไขมันในปริมาณมาก และปลอดภัยต่อชีวิตมากขึ้น แต่ก่อนทำต้องวางยาสลบ งดอาหารการกินบางประเภท และต้องตัดไหมเหมือนการผ่าตัดทั่วไป ใครรู้ตัวว่าแพ้ยาสลบ ยาชา หรือกลัวการผ่าตัด ไม่แนะนำวิธีนี้
  •  การดูดไขมันด้วยพลังน้ำ (Water Jet) คือการใช้เทคนิคฉีดน้ำเข้าไปแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อผิวหนัง ก่อนดูดออกเหมือนวิธีทั่วไป แต่พิเศษมากกว่าตรงที่เซลล์ไขมันยังมีสภาพสมบูรณ์ครบถ้วน สามารถนำไปใช้แต่งเติมร่างกายส่วนต่าง ๆ ให้เต่งตึงและใหญ่ขึ้นได้ นิยมฉีดบริเวณหน้าอกและสะโพก เหมาะสำหรับคนที่อยากเสริมสวยส่วนอื่นแบบไม่พึ่งซิลิโคน ส่วนคนที่ต้องการดูดไขมันหน้าท้องเฉย ๆ แนะนำให้เลือกทำวิธีอื่น

การดูดไขมันเจ็บไหม บอกเลยว่าเจ็บแต่ทนได้ และหากจะถามว่าดูดไขมันในผู้หญิงหรือผู้ชายใครเจ็บมากกว่ากัน ต้องขอตอบเลยว่าผู้ชายจะมีความเจ็บมากกว่าเพราะไม่ห่วงสวยเหมือนผู้หญิง ที่ผู้หญิงก็มีความอดทนมากกว่าเพราะห่วงสวย จะทำอย่างไรให้เราสวยดูดี ผู้หญิงทำได้ทั้งนั้นค่ะ