ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม แก้มห้อย ถือเป็นทางเลือกที่สาว ๆ นิยมเป็นอย่างมาก ในการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าให้กลับมาสวยงามได้อีกครั้ง  ถือว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ให้กับสาว ๆ เป็นอย่างมาก สร้างความมั่นใจให้กับสาว ๆ ในการพบปะผู้คนหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ก่อนการตัดสินใจเข้ารับการรักษาผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มนั้น สาว ๆ ควรให้ความใส่ใจในการศึกษาหาข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางที่ช่วยในการตัดสินใจได้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาของการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม  รวมไปถึงคลินิกที่ให้การรักษา ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้การผ่าตัดของสาว ๆ ดูดไขมันหน้ามีผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัยไม่เป็นอันตรายหลังการรักษา ถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยให้การตัดสินใจของสาว ๆ ง่ายขึ้นอีกด้วย

เทคนิคการผ่าsตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

1. เลือดออกขณะผ่าตัด

มีเทคนิคที่ทำให้เลือดออกน้อยมาก ในขณะผ่าตัด จึงทำให้คนไข้จะรู้สึกสบาย  เนื่องจากสามารถกลืนน้ำลายได้ตามปกติโดยไม่มีเลือดลงคอ และหลังผ่าตัดจะมีอาการบวมน้อยอีกด้วย ซึ่งต่างจากการใช้เลเซอร์ (LASER) ในการห้ามเลือด ซึ่งจะบวมมาก เนื่องจากใช้ความร้อนในการห้ามเลือด

2. อาการบวมหลังการผ่าตัด

เป็นสิ่งที่คนไข้เกิดความกังวลเป็นอย่างมากเพราะบางท่าน  ไม่สามารถลางานเป็นเวลานานได้ ซึ่งต้องมีธุระหรือมีงานที่ต้องทำ จึงต้องการระยะเวลาในการพักฟื้นที่สั้น ได้นำเทคนิคในการผ่าตัดมาใช้ก็จะช่วยลดอาการบวม ไม่ต้องเสียเวลาในการลางานเป็นเวลานานจะสามารถทำงานได้เลย

3. ระยะเวลาพักฟื้น

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นสาว ๆไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น หลังการผ่าตัด สามารถทำงานต่อได้ทันที เพราะได้นำเทคนิคที่ทำให้ไม่ทำให้รู้สึกอาการเจ็บหรือบวมมากจนเกินไป

4. แผลที่เกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัด

ถือว่าเป็นแผลที่เล็กเป็นอย่างมาก จึงไม่มีผลต่อการเจ็บปวดมากเท่าที่ควร

5. ยกกระชับแก้มห้อย

หลายคนกำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับความหย่อนคล้อยของแก้ม หลังทำการผ่าตัดกระพุ้งแก้ม  ซึ่งคุณหมอได้นำเทคนิคพิเศษที่เย็บกระชับกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม ทำให้หลังการผ่าตัด แก้มจะไม่ย้อยและเกิดความตึงกระชับขึ้นอีกด้วย

ข้อควรปฏิบัติก่อนเข้ารับการผ่าตัด ไขมันกระพุ้งแก้ม

1. งดทานยาในกลุ่มที่มีผลต่อการหยุดไหลของเลือด เช่นยาแอสไพรินอย่างน้อย 2 สัปดาห์ งดอาหารเสริมทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
2. สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมีโรคประจำตัว ทำให้เสี่ยงต่อ การเกิดปัญหาแผลหายยาก การติดเชื้อ จึงจำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน ที่จะทำการผ่าตัด เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
3. สำหรับผู้ที่มีประวัติการแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้ง
4. ควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนและหลังการผ่าตัด เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่จะไปทำลายเซลล์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล มีผลทำให้เลือดที่มาหล่อเลี้ยงลดลง ทำให้ผิวหนังที่ผ่าตัดขาดเลือด หายได้ช้าและเสี่ยงต่อการติดเชื้อเป็นอย่างมาก
5. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 1-2 วันก่อนการผ่าตัดและ 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมา มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
6. ควรแปรงฟันแล้วบ้วนปากให้เรียบร้อยก่อนการผ่าตัด

ขั้นตอนการทำหัตถการ

1. บ้วนน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนได้รับการผ่าตัด
2. ทำความสะอาดให้ทั่วใบหน้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
3. แพทย์ทำการฉีดยาชาบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง
4. เริ่มเปิดแผลตรงบริเวณฟันกรามซี่ที่หนึ่ง ของฟันบน ที่บริเวณกระพุ้งแก้ม แล้วลากลงมาเป็นเส้นตรงประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร โดยจะผ่านกล้ามเนื้อชิ้นเล็ก ๆ บาง ๆ ก่อน จากนั้นก็จะพบกลุ่มก้อนไขมันจากนั้นก็จะค่อย ๆ เลาะ รอบ ๆ ของพวงไขมัน อาจจะตัดไขมันบางส่วนหรือตัดออกหมดทั้งพวงเลย
5. ใช้จี้ไฟฟ้าตรงบริเวณที่ทำการผ่าตัด เพื่อทำให้เลือดหยุดไหล
6. เย็บปิดแผลด้วยการใช้ไหมละลาย
7. นอนพักเพื่อรอดูอาการประมาณ 30 นาที พร้อมกับประคบเย็นไปด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ขึ้น และนัดติดตามผลหลังการผ่าตัด 7 วัน

ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับการผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้ม

1. ประคบเย็นทันทีหลังจากการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมง บริเวณคาง เนื่องจากเกิดอาการบวม ซึ่งสามารถหายไปได้ในช่วง 3-7 วันแรก
2. ประคบอุ่นบริเวณกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างในวันที่ 3 หลังจากการผ่าตัด หลังจากการผ่าตัดควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่อย่างน้อย  2  สัปดาห์ขึ้นไป งดรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ด และของร้อน ในช่วงสัปดาห์แรกของการผ่าตัด และบ้วนปากด้วยน้ำเกลือทุกครั้ง หลังทานอาหารเพื่อป้องกันเศษอาหารไปติดที่ปากแผล หรือติดที่มาเย็บถ่ายได้ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบได้
3. รับประทานยาแก้อักเสบหรือยาลดบวม ตามที่แพทย์สั่ง งดการออกกำลังกาย เพื่อป้องกัน การกระทบกระเทือนที่มีผลต่อบริเวณที่ผ่าตัดได้ หลังจาก 5-7 วันถึงกลับไปทำกิจกรรมเบา ๆได้ตามปกติ