มาทำความรู้จักกับการฉีดสลายไขมันกับดูดไขมัน ว่าแตกต่างกันอย่างไร

ฉีดสลายไขมันกับดูดไขมัน สาว ๆ หลายคนใช้เป็นตัวช่วยที่จะทำให้รูปร่างที่สวยงาม สัดส่วนกระชับมากยิ่งขึ้น ทำให้มีความมั่นใจและบุคลิกดียิ่งขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ ตามสถานพยาบาลที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานปลอดภัย มีชื่อเสียง จากทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก  จึงมีความปลอดภัยสูง ไม่เกิดผลกระทบแต่อย่างใด จึงทำให้สาว ๆ มั่นใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ฉีดสลายไขมันกับดูดไขมัน

 การฉีดสลายไขมันคือ

การฉีดสลายไขมันคือ การกำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกายด้วยการฉีดสารสลายไขมัน ซึ่งมีหลายชนิดแตกต่างกันไปเช่น สารตัวยาจำพวก  Phosphatidylcholine,L-carnitine, Vitamin B, Amino acids,Minerals, ,Deoxycholate หรือ อื่นๆ เข้าไปในชั้นไขมันลึกตั้งแต่ 0.1 ไปจนถึง 12มม. เพื่อไปสลายชั้นไขมัน  และสามารถสลายออกจากร่างกายได้ เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เมื่อฉีดสารสำคัญเข้าไปในจุดที่ต้องการลดไขมันแล้ว สารนี้จะช่วยสกัดการสะสมของไขมันและทำให้ไขมันเหล่านี้สลายตัวออกมา ช่วยให้เลือดและระบบต่อมน้ำเหลืองไหลเวียนสะดวกยิ่งขึ้น เนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ มีความแข็งแรงและกระชับขึ้น โดยไขมันที่สลายออกมานั้นจะอยู่ในรูปของไขมันเหลว และถูกขับออกมาทางเหงื่อ ปัสสาวะและทางอุจจาระ

การดูดไขมันคือ

การดูดไขมัน (Liposuction) คือการศัลยกรรมความงามที่ใช้เทคนิคในการดูดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากอวัยวะส่วนต่าง ๆ ซึ่งเป็นจุดที่ลดไขมันยากแม้ว่าจะควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้วก็ตาม บริเวณที่ทำได้คือแขน สะโพก หน้าอก ทรวงอก เข่า ข้อเท้า เอว ท้อง ใต้คาง หลัง ก้น คอ ต้นขา ให้คุณกำจัดไขมันส่วนเกินและมีรูปร่างที่กระชับอย่างเห็นผลได้ชัด วิธีดูดไขมันที่นิยมกัน ได้แก่ ดูดไขมันแบบ Vaser ดูดไขมันแบบ BodyTite และการดูดไขมันแบบ Water Jet

บทความแนะนำ ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก By Rattinan.com

ข้อดีของการฉีดสลายไขมันกับดูดไขมันมีอะไรบ้าง

ข้อดีของการฉีดสลายไขมัน

  1. ไม่เจ็บตัวและแผลเล็กมากทำให้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ
  2. สามารถทำได้ทุกส่วนของร่างกายโดยไม่มีผลข้างเคียงใดใด
  3. สะดวกเพราะใช้เวลาน้อยขั้นตอนไม่ซับซ้อนและสามารถเลือกฉีดเฉพาะบริเวณที่ต้องการได้
  4. ไขมันกลับมายากเพราะถูกขับออกโดยปัสสาวะและเหงื่อแล้ว
  5. เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด
  6. ผิวกระชับและไม่หย่อนยานเนื่องจากมีตัวยาผสมในตอนฉีด
  7. เหมาะสำหรับคนที่กลัวการผ่าตัด ไม่ต้องเจ็บตัวมากจนเกินไป
  8. เหมาะสำหรับไขมันที่ลดยาก

ข้อดีของการดูดไขมัน

  1. สามารถเลือกกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมตามร่างกายเฉพาะจุดได้
  2. ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน
  3. ไขมันส่วนเกินที่ไม่ต้องการก็ได้ถูกดูดออกไป
  4. สามารถนำไขมันส่วนเกินที่ถูกดูดออกมาแล้ว ไปเพิ่มที่อื่นได้ เพราะมันคือส่วนหนึ่งของร่างกาย
  5. ถ้าคุณดูแลตัวเองให้ดีหลังจากที่ดูดไขมันไปแล้ว ผลของการรักษาก็จะอยู่ได้นานมากขึ้น

ขั้นตอนการฉีดยาสลายไขมัน

  1. แพทย์ผสมยาและการฉีดน้ำยาสลายไขมันในปริมาณสารที่ฉีด 0.2-0.5 ซีซี ฉีดลึกไปประมาณ 5-10 มม. ในบริเวณที่ต้องการลดไขมันในแต่ละจุด โดยแต่ละจุดห่างกันประมาณอย่างน้อย 2 ซม. และมีการฉีดซ้ำทุก ๆ 5-7 วัน
  2. หลังจากฉีดสลายไขมันเข้าที่บริเวณผิวหนังแล้ว โดยธรรมชาติไขมันจะเริ่มหดตัว หรือเริ่มลดจำนวนเซลล์ไขมันลง ประมาณ 10-20% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และไขมันจะสลายตัวประมาณ 50-80 % เมื่อทำครบคอร์ส ในบางรายอาจทำให้ขนาดแก้มในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จะดูใหญ่กว่าที่ต้องการได้ เนื่องจากคนไข้บางรายมีการแตกตัวของไขมันได้ช้า แต่หลังจากนั้นเมื่อน้ำยาทำการสลายไขมันให้เริ่มแตกตัวได้ แก้มจะค่อย ๆ ยุบตัวเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้แก้มที่พอดีตามต้องการ

ขั้นตอนการดูดไขมัน

  1. แพทย์จะทำการฉีดยาชา เพื่อเปิดแผล ขนาดประมาณ 0.5-1 cm แพทย์จะใช้ เครื่องมือที่เป็นแท่งยาวขนาดเล็ก (Blunt cannula) ใส่น้ำเกลือที่ผสมด้วย ยาชา และยาห้ามเลือด (Tumescent technique) โดยจะใส่เข้าไปจนทั่วชั้นไขมัน ของบริเวณที่ต้องการรักษา ซึ่งหลังจากการฉีด คนไข้จะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณนี้แล้ว และจะทำให้ลดปริมาณเลือดที่ไหลระหว่างการทำอีกด้วย
  2. หลังจากการใส่ยาชาจนทั่วแล้ว จะเป็นขั้นตอนของการสลายไขมัน ด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ ซึ่งคลื่นอัลตราซาวด์จะส่งพลังงาน สั่นสะเทือนผนังของ เซลล์ไขมันให้แตกออก และสลายเป็นน้ำ ซึ่งปัจจุบันเครื่องมืออัลตราซาวด์นี้ จะสามารถทำลายไขมัน โดยที่ไม่ทำอันตรายต่อเนื้อเยื่ออื่น ๆ เช่นเส้นเลือด หรือเส้นประสาทเลย
  3. เมื่อไขมันแตกสลายเป็นน้ำหมดแล้ว แพทย์จะทำการดูดไขมันออก โดยใช้เครื่องดูดสุญญากาศ
  4. เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมดนี้แล้ว แพทย์จะทำการเย็บแผล ซึ่งแผลจะมีขนาดเล็ก และเย็บไม่เกิน 2 เข็ม
  5. หลังการผ่าตัด จะมีน้ำเกลือไหลออกมาจากแผลผ่าตัด ไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง เพื่อระบายน้ำเกลือและยาชาที่ค้างอยู่ในบริเวณที่ทำการรักษา
  6. หลังการรักษา แพทย์จะทำการทำความสะอาดบริเวณที่ผ่าตัด และ พันผ้าเพื่อกระชับผิวหนังบริเวณที่ผ่าตัด ให้ยุบบวมและเข้ารูปที่สวยงาม

บทสรุป

ถือเป็นทางเลือกที่ทำให้สาว ๆ มีรูปร่างที่กระชับสัดส่วน สวยงามมากยิ่งขึ้น สามารถเลือกรูปแบบในการกำจัดไขมันได้ตามความต้องการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น