สลายไขมันแก้ม สามารถแก้ไขได้โดย

การสลายไขมันแก้ม เป็นอีกวิธีที่เป็นตัวช่วยให้กับสาว ๆที่ต้องการลดไขมันบริเวณแก้มได้เป็นอย่างดี ถึงแม้สาว ๆ จะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารแล้วก็ตาม น้ำหนักอาจจะลดแต่ไขมันบนใบหน้ายังอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สาว ๆ ต้องการลดไขมันแก้มเป็นอย่างมาก เพื่อให้มีใบหน้าที่กระชับ เรียวได้รูป สวยงามมากยิ่งขึ้น

สลายไขมันแก้ม

ไขมันที่แก้ม อยู่บริเวณไดบ้าง

โครงสร้างไขมันใต้ผิวบริเวณใบหน้าของเรา ถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้นใหญ่ คือ ไขมันชั้นตื้น กับไขมันชั้นลึก โดยไขมันชั้นตื้น จะอยู่ใต้ผิวหนังเรา แต่อยู่เหนือชั้น SMAS (Superficial MusculoAponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นสำคัญสำหรับการยกกระชับผิว ใต้ต่อ SMAS จะเป็นกล้ามเนื้อของใบหน้า ที่ช่วยในการขยับแสดงความรู้สึกต่าง ๆ ซึ่งใต้กล้ามเนื้อเหล่านี้ก็จะเป็น ไขมันชั้นลึก ใต้ไขมันชั้นลึกจะเป็นเยื่อหุ้มกระดูกและกระดูก

 สาเหตุที่ทำให้ไขมันสะสมบนใบหน้า

ไขมันบนใบหน้า ก็เหมือนกับการมีไขมันตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย สาเหตุที่ทำให้ไขมันสะสมบนใบหน้า เกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน ทั้งในด้านกรรมพันธุ์ การทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพ ทานอาหารขยะที่มีแต่ไขมัน แป้ง น้ำตาล และเกลือมากเกินไป และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และที่สำคัญเรื่องของอายุที่มากขึ้นอีกด้วย  โครงสร้างของกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน บนใบหน้าจะเปลี่ยนแปลงไป ไขมันที่เคยเกาะกลุ่มแน่นตึงบนใบหน้าจะเริ่มสลายไป และเคลื่อนตัวลงล่าง มากระจุกรวมกันบริเวณช่วงล่างของใบหน้า ทำให้เกิดการหย่อนคล้อย คอเหนียงเกิดขึ้น ซึ่งสามารถแก้ไขด้วยหายวิธี ที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ไขมันที่สะสมบนใบหน้า สามารถแก้ไขได้โดย

  1. ฉีดสลายไขมันแก้ม สำหรับคนอายุน้อย ๆ ไขมันส่วนเกินบนใบหน้า ก็มักจะเป็นที่แก้ม ประเภท แก้มป่องเป็นปลาทอง การแก้ไขก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการฉีดสลายไขมัน ก็สามารถทำให้ไขมันหายไปได้ไม่ยาก ผลลัพธ์และความสำเร็จของการฉีดสลายไขมัน ขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ในการฉีดด้วย
  2. เลเซอร์สลายไขมัน เป็นวิธีที่ปลอดภัย สามารถสลายไขมันและทำให้ผิวกระชับขึ้นได้ ถ้าไขมันและความหย่อนคล้อยมีไม่มากนัก เป็นอีกวิธีที่สาว ๆ ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
  3. Thermage เป็นพลังงาน RF ที่สามารถสลายไขมัน และฟื้นฟูคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวได้ดี จึงทำให้ไขมันหายไปพร้อมผิวที่กระชับขึ้น เหมาะกับไขมันประเภทผิวหย่อนคล้อย หลังการรักษา ทำให้ผิวกระชับหน้าเรียวได้รูป กรอบหน้าได้รูปชัดเจน ดูอ่อนเยาว์
  4. FaceTite เป็นพลังงาน RF เช่นกัน เป็นเทคโนโลยี ที่พัฒนาโดย BodyTite และ NeckTite ผู้นำในเรื่องการกำจัดไขมันถาวรด้วยพลังงาน RF ที่ไม่เพียงเอาไขมันออกไป แต่ยังทำให้ผิวเรียบตึง มีประสิทธิภาพในการสลายไขมันและกระชับผิวได้ดี เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันหย่อนคล้อย บริเวณกรอบหน้ามาก ๆ

บทความแนะนำ ฉีดสลายไขมัน VS ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม จาก Rattinan.com

ควรดูแลตนเองอย่างไรเพื่อให้สามารถลดไขมันแก้มได้

  1. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกวิธีที่สามารถลดไขมันที่สะสมในร่างกาย รวมไปถึงไขมันบริเวณแก้มได้อีกด้วย แต่ไขมันที่แก้มอาจจะลดยากกว่าไขมันตามจุดต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่ทำให้คิดว่า การออกกำลังกายไม่ได้มีส่วนช่วยให้แก้มลดลงได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้ระยะเวลาที่นานพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการออกกำลังด้วยเช่นกัน
  2. การใช้ชีวิตประจำวันอย่างระมัดระวัง ก็สามารถป้องกันปัญหาเนื้อแก้มเยอะและไขมันสะสมได้ โดยอาการบวมนั้นอาจเกิดจากความชื้นที่สะสมในร่างกายนานเกินไป จนทำให้อุณหภูมิของร่างกายเย็นลง ส่งผลทำให้ร่างกายต้องเร่งสร้างไขมันเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น ส่งผลให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้หากร่างกายเย็นลงจะทำให้หัวใจเต้นช้าลง ร่างกายไม่เผาผลาญและก่อให้เกิดไขมันสะสมได้
  3. การนอน หากคุณเป็นคนชอบนอนคว่ำหรือนอนหมอนสูง จะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก ส่งผลทำให้หน้าบวมได้ง่าย ส่วนการนอนคว่ำจะทำให้ความชื้นมากองรวมอยู่ที่บริเวณใบหน้า ส่งผลให้เกิดอาการบวมขึ้น การเลือกนอนหนุนหมอนต่ำและนอนในท่านั่งจะช่วยป้องกันการเกิดอาการบวมบริเวณใบหน้าได้
  4. เลือกดื่มน้ำอุ่นและรับประทานอาหารอุ่น ๆ การรับประทานอาหารเย็น ๆ หรือการดื่มน้ำเย็นเป็นประจำจะทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดไม่ปกติ จนส่งผลให้เกิดอาการบวมขึ้นมาได้
  5. การดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว การดื่มน้ำน้อยเกินไปจนไม่เพียงพอต่อความต้องการจะทำให้ร่างกายเกิดการสะสมสำรองน้ำเอาไว้บริเวณแก้มและรอบดวงตา และทำให้แก้มดูอวบใหญ่มากยิ่งขึ้นได้ เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ
  6. ลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและดื่มเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายเกิดอาการขาดน้ำและจะเกิดการกักเก็บสำรองน้ำเอาไว้บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม จนทำให้แก้มบวมป่องมากขึ้น
  7. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หันมารับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะมีประโยชน์แล้ว ยังอุดมไปด้วยน้ำที่สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว มันจึงช่วยรักษาระดับน้ำบริเวณแก้มได้ อีกทั้งผักและผลไม้ยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและควรหันมารับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม เช่น นม ชีส โยเกิร์ต ฯลฯ เพราะจะช่วยลดการกักเก็บน้ำเอาไว้บริเวณใบหน้าได้
  8. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเค็มจัด เนื่องจากการรับประทานอาหารเค็มจัดก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าเกิดอาการบวมน้ำและแก้มป่องมากกว่าขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากร่างกายจะต้องกักตุนน้ำไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อเตรียมขับโซเดียมออกมา หากรู้ตัวว่าชอบรับประทานอาหารเค็มก็ให้รีบลดเสียตั้งแต่วันนี้ ส่วนอาหารที่มีรสหวานจัด มีเกลือและน้ำตาลในปริมาณมากก็ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน