ก่อนอื่นเลยเรามาทราบกันก่อนดีกว่าค่ะว่าการดูดไขมัน (Liposuction) คืออะไร
การดูดไขมันเป็นการช่วยลดปริมาณไขมันที่สะสมอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ และเป็นไขมันที่สลายได้ยาก เป็นการทำให้ร่างกายมีส่วนเว้า ส่วนโค้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงต้องการ และในการดูดไขมันนั้นจะไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่เข้าใจว่าการดูดไขมันนั้นจะทำให้น้ำหนักลดลง แต่สิ่งที่ผู้หญิงกังวลในการดูดไขมันนั้นก็คือ จะมีแผลดูดไขมันหรือไม่ ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กัน
ปกติแล้วการดูดไขมันจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ วิธีการใช้การดมยาสลบ ซึ่งเป็นวิธีแบบดั้งเดิม และวิธีการใช้เทคนิค Tumescent หรือการใส่ยาชาและน้ำเกลือที่เนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งเป็นวิธีที่แพทย์เลือกใช้ในปัจจุบัน โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลเป็นรอยเล็ก ๆ และสอดท่อเข้าไป ในบริเวณที่ต้องการจะดูด ซึ่งปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
การดูดไขมันเหมาะสำหรับใคร
ในกรณีที่มีปัญหาส่วนเกินในสัดส่วน เช่น ต้นขาใหญ่ พุงหนา ต้นแขนใหญ่ และต้องการเห็นผลในทันทีและไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน เมื่อเข้าพบแพทย์ แพทย์จะทำการประเมินบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน แล้วจะทำสัญลักษณ์ โดยแพทย์จะต่อท่อขนาดเล็กเข้าไปเพื่อเป็นการสร้างหลุมในชั้นไขมัน และจัดการปรับแก้ให้ได้รูปร่างตามที่ต้องการ
ในการดูดไขมันนั้นหากท่านกังวลว่าจะเกิดแผลจากการดูดไขมัน ท่านไม่ต้องเป็นห่วง เพราะแผลหลังจากทำการดูดไขมันนั้นจะเป็นแผลที่มีขนาดเล็กมาก จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องการดูแลแผลเป็น และหลังการทำนั้นท่านก็ไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะมีแค่อาการบวมช้ำ รอยเขียว ในจุดที่ทำการดูดไขมันประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ท่านแค่หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ และถ้าเกิดมีน้ำซึมออกจากแผล นั่นคือน้ำเกลือที่ตกค้างอยู่
ในการดูดไขมันนั้นจะมีข้อดีคือสามารถเลือกกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เฉพาะจุด และยังนำไขมันที่ดูดออกมานั้นไปเพิ่มในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ซึ่งจะทำให้ร่างกายไม่ต่อต้านด้วยเพราะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราเอง จึงมั่นใจได้ว่าจะปลอดภัยและไม่เกิดอาการแพ้
ก่อนดูดไขมันจะต้องเตรียมตัวอย่างไร
- ท่านจะต้องทำการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการดูดไขมันและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดูดไขมัน
- พบแพทย์ก่อนที่จะเข้ารับการรักษา โดยทำการกรอกประวัติ โรคประจำตัว และอาการแพ้ยาให้แพทย์ทราบ ซึ่งต้องแจ้งให้ละเอียด
- ควรงดอาหารเสริมประเภทวิตามินต่าง ๆ และยาแอสไพริน ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนทำการดูดไขมัน
- ก่อนที่จะดูดไขมันจะต้องมีการตรวจร่างกาย ตรวจการทำงานของไต ตรวจน้ำตาลในเลือดและความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
- ท่านจะต้องเตรียมชุดกระชับสัดส่วน เพราะจำเป็นต้องกระชับบริเวณที่ดูดไขมันทันที
- ท่านจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนเข้ารับการดูดไขมันท่านจะต้องรับประทานอาหาร อาบน้ำ สระผม มาให้พร้อม
- ในกรณีที่ท่านทำงาน ท่านควรลางานประมาณ 3 วันเพื่อเป็นการพักฟื้น
- ในการดูดไขมันนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นท่านจึงต้องเตรียมค่าใช้จ่ายให้พร้อม ซึ่งแต่ละสถานที่ราคาจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการรักษา
หลังดูดไขมันควรดูแลตัวเองอย่างไร
- หลังจากที่ท่านทำการดูดไขมัน อาจเกิดรอยแผลดูดไขมัน บริเวณจุดทางเข้าอุปกรณ์ที่ใช้ดูด ซึ่งเป็นแผลขนาดเล็กท่านสามารถเลือกได้ว่าจะเย็บปิดแผลหรือเปิดไว้เพื่อเป็นการระบายน้ำเกลือออก ซึ่งเราขอแนะนำให้เปิดไว้ดีกว่า
- หลังจากทำควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณแผล จนกว่าแผลจะแห้งสนิท
- หากท่านต้องการที่จะทายาลดรอยแผลเป็น ควรรอให้แผลแห้งสนิทก่อน
- ควรสวมชุดกระชับสัดส่วนหลังจากทำการดูดไขมัน เนื่องจากว่าหลังทำจะมีช่องว่างในชั้นผิว การสวมชุดกระชับสัดส่วนจะทำให้เนื้อเรียบเนียนและแนบชิดเข้ารูปตามที่เราต้องการ ซึ่งจะต้องใส่อย่างต่อเนื่อง 1 – 2 เดือน โดยเดือนแรกให้ใส่ตลอดเวลา
- งดรับประทานของหมักของดอง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งหลังจากการรักษา อย่างสม่ำเสมอ
หลังดูดไขมันจะเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือไม่
ผู้รับการดูดไขมันบางราย เมื่อดูดไขมันไปแล้วจะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ถูกดูดไม่เรียบ ลักษณะจะเป็นคลื่น เนื่องมาจากการดูดไขมันในชั้นผิวที่ไม่ลึกมากพอ หรือบางรายผิวอาจแข็ง รักษาได้ด้วยการนวดซึ่งนวดได้ทั้งแผนได้และน้ำมัน หรือหากจะใช้เครื่อง RF รักษาร่วมด้วยก็ได้ สิ่งที่จะช่วยได้คือการสวมใส่ชุดรัดกระชับ ซึ่งจะทำให้อาการบวมยุบเร็วขึ้น และยังจะช่วยให้เจ็บแผลน้อยลง
สิ่งที่ควรระวังมาก ๆ คือ การติดเชื้อของแผลผ่าตัด ซึ่งจะต้องรักษาแผลให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
ในกรณีที่ผู้ต้องการดูดไขมันมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือระบบไหลเวียนโลหิตผิดปกติ ควรเลี่ยงการดูดไขมัน เพราะจะมีความเสี่ยงที่แผลจะหายช้า หรือติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
บทสรุป
แผลดูดไขมัน หากท่านทำการดูดไขมัน ท่านไม่ต้องกังวล เพราะแผลที่เกิดจากการดูดไขมันนั้นมีขนาดเล็กเท่าหลอดยาคูลท์ ซึ่งการดูดไขมันไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนักอย่างที่สาว ๆ เข้าใจ เป็นเพียงแค่การกระชับสัดส่วนให้เล็กลง การดูดไขมันไม่ใช่การกำจัดไขมันแบบถาวร ดังนั้นท่านจึงต้องออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหาร หากท่านไม่มีการควบคุมอาหาร โอกาสที่จะเกิดการสะสมของไขมันก็จะกลับมาอีก
