ผู้ที่มีปัญหาเหนียงยาน เหนียงห้อย ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยเช่น มีปริมาณไขมันชั้นใต้ผิวหนังมีปริมาณมาก ทำให้ผิวหนังบริเวณใต้คางและคอห้อยหย่อนคล้อย มักเกิดจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ไม่ควบคุมอาหาร ไม่ออกกำลังกายการแก้ไขปัญหาเหนียงยาน เหนียงห้อย จึงจำเป็นต้องแก้ไขให้ตรงจุดเช่นการดูดไขมันเหนียง เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุดและเห็นผลได้ดี
ผู้ที่เหมาะกับการดูดไขมันเหนียง
- ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีคางสองชั้น มีไขมันใต้คางปริมาณมากผู้ที่มีผิวหนังที่ยังมีความยืดหยุ่นดี ผู้ที่ต้องการเห็นกรอบหน้าชัดเจนมากขึ้นจะเหมาะกับการดูดไขมันเหนียง หน้าใหญ่จากไขมันสะสม หรือแก้มเยอะนั่นเอง
- คนที่ทำศัลยกรรมกระดูกโครงหน้า หลังผ่าตัดกระดูกโครงหน้าแล้วแก้มห้อย
- คนที่ต้องการให้ใบหน้าเรียวแต่ไม่ต้องการทำผ่าตัดใหญ่ เช่น การตัดกระดูก
- คนที่มีคางสองชั้น
- คนที่ต้องการให้เห็นกรอบหน้าชัดเจน
- คนที่มีเวลาพักฟื้นน้อย และต้องการเห็นผลแบบรวดเร็ว
ข้อดีของการดูดไขมันเหนียง
เจ็บน้อยใช้เวลาในการทำไม่นาน แผลเป็นขนาดเล็กมากบางรายหากลบรอยดี ๆ อาจดูไม่ออกด้วยซ้ำ ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน ผลลัพธ์ถาวร เป็นธรรมชาติ หลังการรักษาด้วยการดูดไขมันเหนียงใต้คาง ผลลัพธ์จะคงอยู่ถาวรเมื่อควบคุมน้ำหนักได้ดี แต่ถ้าน้ำหนักตัวมากขึ้นไขมันก็สามารถกลับมาสะสมบริเวณที่ดูดไขมันไปได้
การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันเหนียง
- ก่อนการดูดไขมันควรพบแพทย์ แจ้งประวัติการรักษาทุกชนิดการฉีด เสริม และผ่าตัดตกแต่งใบหน้าทุกประเภท แจ้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา และยาที่ใช้เป็นประจำ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
- งดสูบบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ ก่อนดูดไขมันอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดยากลุ่มแก้ปวด วิตามินซี อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเข้ารับการดูดไขมัน
หลังการดูดไขมันเหนียงควรดูแลรักษาตัวอย่างไร
ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด พร้อมรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่าให้ขาด ใช้ผ้ารัดหน้าบริเวณใต้คางหลังการดูดไขมันต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ใช้ผ้ารัดหน้าบริเวณใต้คางทุกวัน อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 1 เดือน ประคบเย็นบริเวณใต้คาง 2 วัน หลังจากดูดไขมัน และทำตามคำแนะนำอื่น ๆ ของแพทย์อย่างเคร่งครัด
อาการข้างเคียงหลังเข้ารับการรักษาดูดไขมัน
- ผู้ป่วยจะมีอาการบวมมากที่สุดในวันที่ 3-4 หลังดูดไขมัน จากนั้นอาการบวมจะลดลงเรื่อย ๆ และจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนประมาณ 1 เดือน หลังการดูดไขมัน 3 เดือนจะเห็นผลที่ชัดเจนขึ้น
- รอยช้ำบางท่านจะไม่มีอาการช้ำเลย บางท่านที่มีอาการบวมช้ำง่ายโดยปกติ รอยช้ำจะมีลักษณะเหลืองอ่อนจางๆ บริเวณรอบๆที่ทำการดูดไขมัน หรือสีเข้มเล็กน้อยตามแต่ละบุคคล อาการบวมจะมีเล็กน้อย ลักษณะเวลาจับบริเวณเหนียงจะรู้สึกเป็นไตแข็งๆบริเวณที่ทำการดูดไขมัน อาการดังกล่าวจะค่อยๆลดน้อยลงเรื่อย แนะนำประคบอุ่นบริเวณที่ทำการดูดไขมันจะทำให้อาการบวมหายเร็วมากขึ้น
- หลังการดูดไขมันจำเป็นต้องใส่ผ้ารัดหน้ายกกระชับ เพื่อป้องกันผิวหย่อนคล้อย ในคนไข้บางรายทีมีปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณเหนียงมากอยู่เดิมก่อนการดูดไขมันเหนียง หลังทำ 3 เดือน สามารถทำโปรแกรมกระชับผิวบริเวณเหนียงเพิ่มเติมได้
การดูดไขมันเหนียง เจ็บไหม
- การดูดไขมันเหนียงด้วยเทคนิคและความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำจำทำให้แผลเล็กมาก ส่วนความเจ็บนั้นระดับความเจ็บปวดของคนไข้แต่ละท่านมีความแตกต่างกัน คนไข้บางท่านแจ้งว่าไม่เจ็บเลย คนไข้บางท่านก็จะแจ้งว่าเจ็บเล็กน้อยตอนฉีดยาชาแต่หลังจากนั้นก็ไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว หลังดูดไขมันเสร็จก็มีอาการแค่รู้สึกบวม ๆ ตึง ๆ เท่านั้น
- การดูดไขมันเหนียงจะใช้เพียงยาชา เพื่อระงับความรู้สึกบริเวณที่ทำการดูดไขมันเท่านั้นเพราะแผลเล็กมาก หลังดูดไขมันลดเหนียงแนะนำควบคุมน้ำหนักหลังทำ เนื่องจากไขมันจะกลับมาสะสมใหม่ได้หากคนไข้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหลังทำ
ขั้นตอน ดูดไขมันเหนียง
ก่อนอื่นต้องเข้าไปพบแพทย์ที่จะทำก่อนเพื่อวิเคราะห์ว่าเหมาะสมที่จะทำการดูดไขมันเหนียง หรือไม่ ตรวจสอบเรื่องยา อาหารเสริมที่ต้องงดก่อนทำสองอาทิตย์ ซึ่งรวมถึงการหยุดสูบบุหรี่ และในวันทำจริงเริ่มให้ยาชาเฉพาะที่ ใช้รูแผล 1 รูบริเวณใต้คาง ขนาดประมาณ 0.5 เซนติเมตร ในบางรายอาจจะต้องใช้เพิ่มอีกสองรูคือใต้ติ่งหูทั้งสองข้าง ขนาดเล็กเหมือนกัน รอยาชาออกฤทธิ์ 20 นาที ก็จะเริ่มกระชับผิวและละลายไขมันด้วย Necktite ก่อนหลังจากนั้นก็เริ่มการ ดูดเหนียง ด้วยเครื่อง Microaire PAL เพราะการสั่นของเครื่องไม่ได้เกิดอันตรายอะไร จากนั้นเย็บปิดแผล ใส่ชุดกระชับคาง และต้องใส่หลัง ดูดไขมันใต้คาง ตลอดเวลา 1-3 วัน หลังจากใส่ชุดกระชับคางครบ 3 วันเปลี่ยนเป็นใส่เฉพาะกลางคืนต่ออีก 1 เดือน
ผลข้างเคียงของการดูดไขมันเหนียง
- หลังดูดไขมันเสร็จอาจมีผลข้างเคียงสิ่งเหล่านี้ถือว่าปกติ
- มีการบวมและช้ำ ซึ่งอาจเป็นนานถึง 6 เดือนแต่การดูดไขมันเหนียงเนื่องจากแผลเล็กมาก การใช้เวลารักษาแผลบวมช้ำอาจมาถึง
- มีอาการชา ซึ่งจะหายไปเองภายใน 6-8 สัปดาห์ ก็ขึ้นอยู่กับว่าขนาดของแผล
- อาจมีรอยแผลเป็นหากเราดูแลอย่างดี ทาครีมตามคำแนะนำแพทย์ อาจไม่หลงเหลือร่องรอยเลยก็ว่าได้
- เกิดการอักเสบในบริเวณที่รับการรักษา ซึ่งเริ่มแรกเราควรกินยาลดการอักเสบของแผลตามแพทย์สั่ง