การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นการใช้เทคนิคในการดูดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเฉพาะจุด ซึ่งเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยากแม้ว่าจะควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ก้น แขน หรือคอ การดูดไขมันเมื่อดูดไขมันผิวเป็นคลื่นหรือไม่ ซึ่งผู้เข้ารับบริการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น
ซึ่งการดูดไขมันมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือวิธีแบบดั้งเดิมโดยการใช้การดมยาสลบ และวิธีปัจจุบัน โดยการดูดไขมันด้วยเทคนิค Tumescent หรือการใส่ยาชาและน้ำเกลือที่เนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งเป็นวิธีการดูดไขมันที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญปัจจุบันนี้นิยมใช้กัน
ในการดูดไขมันนั้นไม่สามารถดูดได้ทุกแห่ง เพราะบางตำแหน่งมีความเสี่ยงสูง ซึ่งส่วนใหญ่ตำแหน่งที่คนนิยมดูดไขมัน ได้แก่ ท้อง เอว ต้นขา ต้นแขน และสะโพก ส่วนตำแหน่งที่ไม่เหมาะกับการดูดไขมันคือใบหน้า เพราะมีเส้นประสาทจำนวนมาก การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันคือต้องรู้ก่อนว่าจะดูดตำแหน่งไหน และต้องทำความเข้าใจว่าบริเวณนั้นเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
การเตรียมความพร้อมก่อนการดูดไขมัน
- ท่านจะต้องเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์ได้มีการซักประวัติ หากท่านมีโรคประจำตัว มีประวัติการแพ้ยา ท่านจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ท่านจะต้องหยุดใช้ยาแก้ปวดเช่นยาแอสไพริน และอาหารเสริมบางตัว เช่น วิตามินอี น้ำมันตับปลา ก่อนที่จะเข้ารับการดูดไขมันอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
- ควรงดอาหารก่อนทำการดูดไขมันอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- ก่อนเข้ารับการดูดไขมัน ควรงดดื่มชา กาแฟ รวมถึงน้ำอัดลม เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะขณะดูดไขมัน
- เตรียมเสื้อผ้าสีเข้มไว้สำหรับใส่ในวันดูดไขมัน เพราะหลังจากดูดไขมันจะมีน้ำซึมออกมา ซึ่งอาจจะทำให้เห็นเป็นคราบได้
ขั้นตอนการดูดไขมัน
โดยจะทำแพทย์จะทำการดูดไขมันบริเวณที่ต้องการออก ซึ่งจะมีขั้นตอนหลัก ๆ ของการดูดไขมัน ได้แก่
- ฉีดสารละลายน้ำเกลือ (Saline) ซึ่งประกอบด้วยยาชาและอะดรีนาลีนเข้าไปในเนื้อเยื่อไขมันเพื่อช่วยระงับความรู้สึกและลดการเสียเลือด เทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย ช่วยให้สามารถเอาไขมันออกมาได้ง่าย หลังขั้นตอนการดูดไขมัน ยังช่วยลดรอยช้ำและบวม
- แพทย์จะใส่ท่อขนาดเล็กลงในเนื้อเยื่อไขมัน และใช้อุปกรณ์สุญญากาศดูดไขมันในบริเวณที่ต้องการ เมื่อทำเสร็จแล้ว
แพทย์จะใช้ผ้าพันแผลพันรอบบริเวณที่ดูดไขมันเพื่อช่วยลดอาการบวม
สาเหตุที่ดูดไขมันแล้วผิวเป็นคลื่น
- เทคนิคการดูด ความชำนาญของแพทย์
แพทย์จะต้องไม่เลือกอุปกรณ์ที่ใหญ่เกินไปเพื่อเน้นความรวดเร็ว การเลือกอุปกรณ์ใหญ่เกินไปเพื่อเน้นปริมาณ จะได้รับลูกค้าเพิ่ม แล้วอ้างลูกค้าเรื่องริ้วรอยหลัง ดูดไขมัน เป็นเรื่องปกติ สักพักก็กลับมาสวย แต่หลังดูดเป็นเดือนแล้วไม่หายเกิดผิวเป็นคลื่นขึ้นมาก็ต้องมาหาวิธีแก้ภายหลัง - ผิวหนังหย่อนลงตามธรรมชาติ
เนื่องจากว่าเมื่อทำการดูดไขมันออกมาจะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นยุบตัวตามรอยว่าง และอาจกระชับได้เองตามสภาพของร่างกาย แต่ถ้ามีการกระชับผิวหลังจากการดูดไขมันจะช่วยได้ระดับหนึ่ง
- ดูดไขมันมากเกินไป
ท่านจะต้องให้แพทย์ดูดไขมันให้พอดีดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูดแบบจนไม่เหลือไขมันเลย ซึ่งแพทย์บางท่านอาจทำให้ตามคำขอของผู้เข้ารับบริการ
- ความร้อนจากเครื่องมือ
การสลายไขมันในร่างกายต้องใช้ความร้อนเข้าช่วย หากแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญอาจควบคุมความร้อนไม่ดีพอ ทำให้ไขมันที่เหลือในร่างกายบางส่วนตาย จนเหลือไขมันในร่างกายบางส่วนที่ดูดไม่หมด ทำให้เกิดเป็นริ้วรอยได้
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมันเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งจะเห็นผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการดูแลตนเอง ซึ่งการดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันไม่ว่าจะดูดส่วนไหน การดูแลจะไม่ต่างกัน เรามาดูกันค่ะว่ามีวิธีไหนบ้าง
วิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน
- ก่อนวันตัดไหมไม่ควรให้แผลโดนน้ำ
- ทำแผลอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และไม่ควรให้แผลอับชื้น
- หลังการดูดไขมันท่านไม่ควรสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเวลา 4 สัปดาห์
- ท่านไม่ควรทานของหมักของดอง ของเค็ม เพราะจะทำให้เกิดการคันบวมบริเวณแผลได้
- เพื่อเป็นการป้องกันการขาดน้ำ แนะนำให้ท่านดื่มน้ำมาก ๆ ใน 6 ชั่วโมงแรก
- งดการอาบน้ำ แนะนำให้เช็ดตัวแทน หรือหากอยากอาบน้ำแนะนำให้ติดพลาสเตอร์กันน้ำ
- ใส่ชุดกระชับหรือผ้ารัด เนื่องจากการสวมใส่ชุดกระชับสามารถห้ามเลือดและลดอาการบาดเจ็บได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างเคร่งครัด
- ไม่ควรยกของหนัก เพื่อป้องกันไม่ให้แผลเปิด และสามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้
- อย่าให้แผลโดนแดด เพราะจะทำให้แผลดำ
บทสรุป
ดูดไขมันผิวเป็นคลื่น เป็นสิ่งที่ผู้เข้ารับบริการดูดไขมันไม่ต้องการ ซึ่งก่อนเข้ารับบริการท่านจะต้องเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และมีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการ เพื่อท่านจะได้ไม่เสียใจภายหลัง เมื่อเข้ามารับบริการ ซึ่งทุกคนที่เข้ามาดูดไขมันต่างก็อยากมีหุ่นที่สวยเพื่อที่ตัวเองจะได้ดูดีในสายตาของทุกคน