5 เทคนิคการดูดไขมัน ต้นแขน+ต้นขา สลายไขมันให้หายได้ภายในพริบตา

การดูดไขมัน เป็นหนึ่งในการทำศัลยกรรมที่กำลังได้รับความนิยมและเหมาะกับกลุ่มคนสายสบายที่ชอบอะไรสบาย ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องของการดูดไขมัน ที่มีอยู่อย่างแพร่หลาย และสำหรับคนที่ศึกษาเรื่องการดูดไขมันต้นแขน ต้นขามาในระดับหนึ่งคงรู้แล้วว่าการ ดูดไขมัน จะมีเทคนิคหลัก ๆ ด้วยกันอยู่ 5 เทคนิค ได้แก่ Vaser, Bodytite, Water Jet, Smart Lipo และ Pa

แล้วการดูดไขมันนั้นทำอย่างไรล่ะ ?

บริการดูดไขมัน ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก รักษาเต้านมโตของผู้ชาย ตัดหนังหน้าท้อง ตัดหนังส่วนเกิน

บริการดูดไขมัน ผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก รักษาเต้านมโตของผู้ชาย ตัดหนังหน้าท้อง ตัดหนังส่วนเกิน

การดูดไขมัน (Liposuction) นั้นเป็นกระบวนการศัลยกรรมเพื่อความงามที่ใช้จะมีการใช้เทคนิคในการดูดไขมันส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเฉพาะจุด ซึ่งเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยากแม้ว่าจะควบคุมอาหารและออกกำลังกายแล้ว เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา ก้น แขน หรือคอ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละเทคนิคนั้นจะมีรายละเอียดที่ต่างกันออกไปและเทคนิคการก็อาจแตกต่าง กันไปบ้าง วันนี้เราจึงขอนำเสนอเทคนิคการดูดไขมันทั้ง 5 เทคนิคนี้มาฝากให้้กับคุณ ๆ ทั้ง หลาย ที่กำลังตัดสินใจดูดไขมันว่า จะเลือกใช้เทคนิคไหน เพื่อให้ได้นำไป พิจารณาประกอบการตัดสินใจกันค่ะ

1. การดูดไขมันด้วยเทคนิค Vaser

ดูดไขมันภาษาอังกฤษ

การ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Vaser นั้นจะเป็นการ ดูดไขมัน ด้วยการใช้เครื่องมือในการช่วย คือการใช้ เทคนิค ดูดไขมัน โดยการใช้พลังงานคลื่นอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) เข้าไปสลายไขมันทำให้ก้อนไขมันแตกตัวออกและสลายกลายเป็นของเหลวใต้ผิวหนัง จากนั้นทำการดูดออกอย่างนุ่มนวลและง่ายดาย โดยไม่ทำความเสียหายให้กับเนื้อเยื่อโดยรอบ เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่าง ๆ ดังนั้นจึงมีความบอบช้ำน้อย มีการฟื้นตัวเร็วหลังการรักษาทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี คลื่นอัลตร้าซาวด์นั้นเป็นคลื่นพลังงานที่มีความปลอดภัยสูง และนิยมใช้ในวงการแพทย์มานานหลายปี ทั้งในเรื่องความงามและการรักษาโรค ล่าสุดคือการนำมาใช้กำจัดไขมันส่วนเกิน ถือได้ว่าเป็นการ ดูดไขมันที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว โดยการดูดไขมันนั้นเป็นเทคนิคการหนึ่งที่ช่วยให้รูปร่างดูดีขึ้น ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่มีไขมันส่วนเกิน ต้องการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะการดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนัก แต่เป็นการสลายไขมันส่วนเกินที่มีอยู่ในร่างกายบริเวณจุดต่าง ๆ ออกไปทำให้รูปร่างมีสัดส่วนมากขึ้น และเทคนิคดูดไขมันด้วยต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Vaser นี้จะทำให้เซลล์ผิวหนังได้รับการกระทบกระเทือนน้อยมากค่ะ ลดการเกิดรอยฟกช้ำได้อย่างดี แถมยังทำให้แผลหลังจากดูดไขมันต้นแขน ต้นขา หายเร็วอีกด้วย

แนะนำบทความยอดนิยม Miradry จากเว็บไซต์ Rattinan.com

1.1 ข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันด้วยเทคนิค Vaser

ข้อดีของการดูดไขมันด้วยเทคนิค Vaser นอกจากเทคนิคการ Vaser จะสามารถ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขาได้แล้ว เทคนิคนี้ยังสามารถใช้ได้แทบทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง สะโพก ใต้คาง หรือแม้กระทั่งโหนกบริเวณหลังต้นคอ จะช่วยทำให้ต้นแขนต้นขาขนาดลดลงอย่างชัดเจน นำไขมันออกมาได้ในปริมาณจริง สามารถลดสัดส่วนเฉพาะจุดได้โดยตรง แผลเล็กมาก แพทย์สามารถซ่อนแผลได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งระหว่าง ดูดไขมันด้วย Vaser นั้นจะมีอาการเจ็บเพียงนิดเดียวค่ะ และด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยทำให้เลือดออกน้อยจึงมีการพักฟื้นที่รวดเร็ว หลังจากดูดเสร็จก็จะไม่มีแผลหรือบวมอะไรมาก 

ส่วนข้อเสียของการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Vaser คือ อาจมีน้ำคั่งหลังดูดไขมันได้ค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลอะไรมากเพราะแพทย์สามารถรักษาได้ด้วยการเจาะออก

1.2 การดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Vaser เหมาะกับใคร

VASER เป็นการดูดไขมันที่เหมาะกับคนที่มีไขมันส่วนเกิน ที่กำจัดยากมาก เพราะไม่ว่าจะออกกำลังกายเท่าไหร่ก็ไม่มีทางลดลงซักที โดยเฉพาะส่วนหน้าท้อง สะโพก ต้นขา ต้นแขน เป็นต้น 

ดูดไขมันด้วยเทคนิค Vaser จะสามารถดูดไขมันได้เฉพาะส่วน เช่น ต้นแขน ต้นขา เป็นต้น ซึ่งการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Vaser นี้จะเหมาะกับคนที่สลายไขมันยากค่ะ  Vaser ยัง สามารถใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย เช่น บริเวณใต้คาง โหนกบริเวณหลังต้นคอ ท้องแขน หลัง เอว ซึ่งบางคนก็จะมีปัญหาที่บริเวณเข่าที่จะมีก้อนไขมันปูดออกมา ก็สามารถกำจัดได้ด้วย VASER  ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคการกำจัดไขมันที่ปลอดภัย รวดเร็ว และยังเจ็บปวดน้อย ทั้งยังเห็นผลจากการรักษาในครั้งเดียว บอกเลยว่า Vaser Liposelection ( VASER ) นั้น ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และประเทศไทย (อย.) ว่ามีประสิทธิภาพที่ดีและความปลอดภัย

2. การดูดไขมันด้วยเทคนิค Body tite

ดูดไขมันผู้ชาย pantip

การดูดไขมัน ด้วยเทคนิค Body tite คือ การใช้พลังงาน RF (Radio Frequency) ยิงใส่ชั้นลึกของผิวหนังไขมัน ชนิด Bipolar พลังงานจากคลื่นความถี่วิทยุนี้ จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่เนื้อเยื่อผิว ทำให้ไขมันสลายเป็นของเหลวก่อนจะถูกดูดออกมาค่ะ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเป็นการปล่อยคลื่นไฟฟ้าในระดับความถี่ที่เหมาะสมและคลื่นความร้อนเพื่อไปสลายไขมันนั่นเองค่ะ เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยเซลล์ไขมันบริเวณที่ถูกทำลายจะสลายเป็นน้ำมัน( melt fat ) อย่างรวดเร็ว และถูก “ดูดไขมัน” ออกมาอย่างง่ายดายโดยผ่านท่อขนาดเล็ก อาจจะมีไขมันส่วนเล็กน้อยเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่ภายใน แต่ก็จะถูกกำจัดออกจากร่างกายตามกระบวนการทางธรรมชาติ ทำให้ระยะเวลาในการทำแต่ละครั้งเวลาน้อยมาก 

2.1 ข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันด้วยเทคนิค Body tite

การ “ดูดไขมัน” ด้วย ใช้ Handpiece ที่มีขนาดเล็กมาก สามารถปรับระดับความลึก ตื้น ได้ตามความต้องการ เพื่อเข้าไปทำลายเฉพาะเซลล์ไขมันบริเวณที่ต้องการโดยตรง ไม่ทำลายเนื้อเยื่อและระบบเส้นประสาทรอบๆ  และยังสามารถช่วยกระตุ้น Collagen ในชั้นใต้ผิว  ทำให้ผิวบริเวณที่ทำการรักษายกกระชับ และเนียนเรียบตึงขึ้น ไม่เกิดปัญหาผิวขรุขระเป็นโพรง นอกจากความร้อนจากการ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Body tite จะช่วยสลายไขมันได้แล้ว ยังทำให้ผิวหนังกระชับ ลดการเสียเลือดได้อีกด้วยนะคะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่ดูดไขมันด้วยเทคนิค Body tite นั้นจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 สัปดาห์ และมีรอยช้ำเล็กน้อยเพียงแค่ 1 – 2 มิลลิเมตร 

ส่วนข้อเสียของการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Bodytite นั้นคือเรื่องของราคาค่ะที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเทคนิคการอื่น ๆ และยังสลายไขมันตรงบริเวณที่เป็นพังผืดแน่น ๆ ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้น ก่อนดูดไขมันด้วยเทคนิคนี้ ผู้ที่ต้องการทำ ควรศึกษาเทคนิคอื่นประกอบด้วย

2.2 การดูดไขมันด้วยเทคนิค Body tite เหมาะกับใคร

แน่นอนค่ะว่าการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Body tite นั้นจะเหมาะกับคนที่มีไขมันส่วนเกินในปริมาณมาก  การดูดไขมัน ด้วย Body Tite สามารถทำการสลายไขมันพร้อมดูดออกได้ จึงเหมาะกับ ผู้มีปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมเป็นปริมาณมาก , สรีระไม่สมส่วน สามารถเลือกทำได้ในบางจุดบางส่วนที่กังวลได้ เช่น ต้นแขน , ต้นขา , หน้าท้อง , สะโพก , น่อง เป็นต้น  ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ แล้วคนที่เหมาะสมกับเทคนิค Body tite นั้นจะไม่ค่อยต่างกับเทคนิค Vaser ค่ะ แต่ที่ต่างกันจริง ๆ ก็คือการดูดไขมันด้วยเทคนิค Body tite นั้นจะเหมาะกับคนที่ต้องการกระชับผิวหนังเป็นพิเศษค่ะ การดูดไขมันด้วย Body Tite ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำ และไม่ต้องพักฟื้นนาน (*ผลการรักษาอาจแตกต่างกันไปขึ่้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

3. การดูดไขมันด้วยเทคนิค Water Jet

ดูดไขมันภาษาอังกฤษ

การดูดไขมันด้วยเทคนิค Water Jet นั้นจะเป็นการใช้พลังงานน้ำเข้าไปแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อผิวหนัง ส่งผลให้เซลล์ไขมันดังกล่าวมีสภาพที่สมบูรณ์ค่ะ ไม่ตาย และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อฟื้นฟูและซ่อมแซมร่างกายในจุดต่าง ๆ ทำให้นำมาใช้ประโยชน์ต่อได้อีกทีหนึ่ง ถึงแม้ว่าไขมันที่พุงจะเป็นภัยร้ายต่อสุขภาพ แต่ในขณะเดียวกัน ไขมันที่พุง ก็เป็นแหล่งอุดมด้วยเซลล์ตั้งต้นที่ดีที่สุดในร่างกาย ด้วยเหตุนี้เมื่อสามารถนำไขมันออกมาโดยที่เซลล์ไม่บอบช้ำ ยังมีชีวิต และมีความสมบูรณ์ จึงเป็นสิ่งที่มีค่าเป็นอย่างมาก สามารถนำมาสกัดเป็นสเต็มเซลล์เพื่อนำไปซ่อมสร้างเซลล์ที่เสื่อมสภาพสึกหรอให้กลับมามีชีวิตและเจริญเติบโตรวดเร็วอีกครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป 

3.1 ข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันด้วยเทคนิค Water Jet

อย่างที่บอกไปค่ะว่าการ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Water Jet นี้ทำให้ไขมันมีสภาพที่สมบูรณ์นำไปใช้ต่อได้ เช่น การสกัดเป็นสเต็มเซลล์เพื่อซ่อมแซมร่างกาย หรือ การนำไขมันไปศัลยกรรมเสริมหน้าอกต่อ เป็นต้น ซึ่งการศัลยกรรมด้วยไขมันตัวเองนั้นถือเป็นเทคนิคที่ปลอดภัยมากเทคนิคหนึ่งค่ะ เพราะเนื้อเยื่อจะปรับตัวให้เข้ากันได้ง่าย ถือเป็นเทคนิคดูดไขมันที่อ่อนโยนและบาดเจ็บน้อยมาก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลและไม่ต้องดมยา เพียงให้ยาชาเฉพาะที่เท่านั้น ทำให้ลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายได้มาก ในการดูดไขมันออก   และระหว่างที่ดูดไม่มีการบวม แพทย์จึงสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน 

ส่วนข้อเสียของการ ดูดไขมัน ต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Water Jet นั้นคื อาจมีน้ำหรือไขมันตกค้างได้ แต่ไม่น่าเป็นกังวลค่ะ เพราะยังไงแล้วน้ำก็สามารถระบายออกมาตามจุดที่ทำการผ่าตัดได้

3.2 การดูดไขมันด้วยเทคนิค Water Jet เหมาะกับใคร

แน่นอนค่ะว่าการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา ด้วยเทคนิค Water Jet นั้นจะเหมาะกับคนที่ต้องการนำไขมันที่สมบูรณ์ไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ต่อ เช่นผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและต้องการให้ดูเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ซิลิโคนแต่เป็นการใช้ไขมันตัวเองแทน อีกหนึ่งอย่าง คือ เหมาะกับผู้ที่กลัวเจ็บและไม่ต้องการเจ็บในการศัลยกรรม เพราะเทคนิคนี้ไม่ต้องผ่าตัด เพียงแค่ดูดไขมันแล้วนำมาฉีดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย โดยระยะเวลาพักฟื้นก็แทบจะไม่มี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อีกทั้งเหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มใบหน้า เช่น ร่องแก้ม หน้าผาก ใต้ตา ขมับ หรือริ้วรอยต่างๆ ซึ่งสามารถใช้แทนฟิลเลอร์ได้เลย

แต่ยังไงก็ตามคนที่ไม่มีแผนจะนำไขมันไปใช้อีกรอบก็สามารถใช้เทคนิค Water Jet ได้นะคะ เพราะเทคนิคนี้ไม่ทำให้เนื้อเยื่อบอบช้ำ แผลหายเร็ว และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานค่ะ

4. การดูดไขมันด้วยเทคนิค Smart Lipo

ดูดไขมันบวมกี่วัน

การ ดูดไขมัน ด้วยเทคนิค Smart Lipo นั้นจะใช้เลเซอร์ในการสลายเซลล์ไขมันค่ะ โดยจะยิงเลเซอร์เข้าไปก่อน หลังจากนั้นจึงนำไขมันออกมา ซึ่งเทคนิค Smart Lipo นี้จะเป็นการดูดไขมันกึ่งผ่าตัดค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง แต่จะไม่เจ็บมาก และไม่ต้องนอนโรงพยาบาลด้วย ดูดไขมัน ( Smart Lipo ) เป็นการดูดไขมันที่ต้องใช้พลังงานเลเซอร์เพื่อเป็นตัวช่วยในการทำการสลายไขมัน ก่อนที่จะดูดออก ซึ่งแผลที่เปิดก็มีขนาดเล็กมาก โดยมีขนาดเท่าปลายปากกา โดยแผลจึงเรียบเนียนเสมอกัน แม้ทำการลูบสัมผัสก็ไม่ให้ความรู้สึก จึงเหมาะกับพื้นที่เล็ก ๆ ที่ต้องการงานที่มีความประณีตมาก เพื่อทำให้ผิวเรียบเนียน อาทิเช่นบริเวณคาง คอ บริเวณใบหน้า รวมทั้งต้นแขน ซึ่งในบางกรณีทีไขมันไม่มาก หมอก็อาจจะทำการพิจารณาไม่ดูดไขมันออกแต่ว่าให้ร่างกายดูดซึมและก็ขับถ่ายออกตามช่องทางขับของเสียปกติ

4.1 ข้อดี ข้อเสีย ของการดูดไขมันด้วยเทคนิค Smart Lipo

ถ้าหากพูดถึงผลกระทบของ ดูดไขมัน ( Smart Lipo ) เราต้องอธิบายอีกครั้งว่า Smartlipo นั้น เป็นเทคนิคการดูดไขมันกึ่งการผ่าตัด ที่มีแผลขนาดเล็ก จึงมีการใช้ยาชาเฉพาะพื้นที่เท่านั้น ไม่มีความรู้สึกเจ็บมาก ไม่ต้องมีการดมยา และยังไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งใช้เวลาสำหรับการดูดไขมันประมาณ 1-2 ช.ม.เท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดแล้วก็ปริมาณของพื้นที่ที่ทำการดูดไขมัน การดูดไขมันด้วยเทคนิค Smart Lipo นั้นจะใช้เวลาพักฟื้นไม่นานค่ะ ได้ผิวที่เรียบเนียน นอกจากนี้ยังเห็นผลได้เร็วหลังจากทำเพียงแค่ 1 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดขึ้นเรื่อย ๆ 3 – 6 เดือน หากควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

ส่วนข้อเสียของการ ดูดไขมันด้วย Smart Lipo ก็คือ ไม่สามารถดูดไขมันในปริมาณมากได้ เหมาะสำหรับการดูดทีละตำแหน่งเท่านั้น 

4.2 การดูดไขมันด้วยเทคนิค Smart Lipo เหมาะกับใคร

ดูดไขมัน Smart Lipo

อย่างที่บอกไปการ ดูดไขมัน ด้วยเทคนิค Smart Lipo นั้นจะดูดไขมันได้น้อยค่ะ ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้หญิงและผู้ชายที่ไม่ได้มีน้ำหนักเยอะจนเกินไป แต่มีการสะสมไขมัน เช่น ไขมันที่มีผลทำให้แขนหย่อนยาน หรือไขมันบริเวณลำคอ หรือที่เราเรียกว่าเหนียงนั่นเองค่ะ เหมาะสำหรับใครที่ต้องการดูดไขมันในพื้นที่เล็ก ๆ เป็นอย่างมาก การดูดไขมันด้วย Smart Lipo จะเป็นอีกเทคนิคที่เป็นตัวเลือกในการดูดไขมันของทุกท่านนะคะ เพราะ Smart Lipo จะดูดไขมันด้วยเลเซอร์  หากใครมีปัญหาไขมันตรงตำแหน่งเล็ก ๆ เช่น คาง คอ ใบหน้า หรือว่าต้นแขน แนะนำว่าให้เลือกเทคนิคนี้ค่ะ รับรองได้เลยว่าคุณจะได้หุ่นสวยดังใจคุณต้องการแน่นอนค่ะ

5. การดูดไขมันด้วยเทคนิค Pal

การดูดไขมันแบบ Pal ( Power Assisted Liposuction) หรือ Microaire (USA.)เป็นเครื่องมือที่เพิ่มความถี่ของการขยับเข็มดูดไขมัน จำนวนหลายพันรอบต่อวินาที ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์ที่น่าทึ่งด้วยการเพิ่มความปลอดภัยของการผ่าตัดที่แม่นยำในจุดที่ยาก เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของน้อยที่สุด เป็นการเพิ่มความถี่ของการขยับเข็มดูดไขมัน จนเกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนทำให้ไขมันแตกตัว การดูดไขมันด้วยเทคนิคนี้จะทำให้ดูดไขมันออกมาได้ในปริมาณมาก และลดการเสียดสีของผิวหนัง และเนื้อเยื่อข้างเคียง ถือได้ว่า Pal หรือ Power Assisted Liposuction เป็นเครื่องมือทุนแรงที่แพทย์ใช้ช่วยในการ  “ดูดไขมัน” ต้นแขน ต้นขาค่ะ โดยเครื่องมือนี้จะเพิ่มความถี่ของเข็มดูดไขมัน คล้าย ๆ กับการสั่นของแปรงสีฟันไฟฟ้าค่ะ ซึ่งจะทำให้ดูดไขมันในส่วนที่ยากให้ออกมาง่ายขึ้นค่ะ สามารถใช้ร่วมกับเทคนิคดูดไขมันแบบ Bodytite ได้

5.1 ข้อดี ข้อเสีย การดูดไขมันต้นด้วยเทคนิค Pal

อย่างที่เราได้บอกไปข้างบนค่ะ ว่าเครื่อง Pal หรือ Power Assisted Liposuction นั้นสามารถดูดไขมันในส่วนที่ยากให้ออกมาได้ง่ายขึ้น แถมยังช่วยแพทย์ประหยัดเวลาอีกนะคะ นอกจากนี้การดูดด้วยเครื่อง Pal ยังทำให้ผิวหนังมีการบอบช้ำน้อยลงอีกด้วย ที่สำคัญไม่เกิดความร้อนในระหว่างดูดไขมัน ผิวไม่ Burn อีกด้วย

ส่วนข้อเสียนั้นก็คือถ้าเป็นเครื่อง Pal แบบเก่าจะมีเสียงดังรบกวนมากค่ะ และไม่สามารถไม่สามารถดูดไขมันในบริเวณที่มีผังพืดได้ นอกจากนี้เครื่อง Pal ยังมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้ต้นทุนการดูดไขมันต้นแขน ต้นขา สูงขึ้นตาม และที่สำคัญยังใช้เวลาพักฟื้นนานอีกด้วย

5.2 การดูดไขมันด้วยเทคนิค Pal เหมาะกับใคร

แน่นอนค่ะว่าการดูดไขมันด้วยเครื่อง Pal นั้นเหมาะกับคนที่มีไขมันที่ดูดออกยาก เช่น บริเวณ แขน หน้าท้อง ขา นอกจากนี้ยังเป็นกลุ่มคนที่มีไขมันเฉพาะส่วนซึ่งไม่สามารถเผาผลาญได้ด้วยการออกกำลังกาย และยังเป็นคนที่ต้องการให้มีร่างกายที่กระชับและได้ส่วน ซึ่งถ้าไปหาแพทย์แล้วพบว่าไขมันที่ต้องการดูดนั้นไม่ยากมากก็ใช้เพียงแค่เทคนิค Bodytite ธรรมดา ๆ ก็ได้ค่ะ