สลายไขมันราคา มีกี่วิธีแพงหรือไม่

การสลายไขมัน เป็นวิธีที่ช่วยกำจัดไขมันสะสมตามร่างกาย มีที่ผู้นิยมนำมาเป็นตัวช่วยให้สลายไขมันได้อย่างเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มีไขมันอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในร่างกายเป็นอย่างมาก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสาว ๆ ได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น สามารถแก้ไขได้โดย การสลายไขมัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ต้องเจ็บตัวมากจนเกินไป ก็ทำให้สาว ๆ กลับมามีรูปร่างและสัดส่วนที่กระชับมากยิ่งขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์สำหรับสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี

สลายไขมันราคา

การสลายไขมัน คืออะไร

การสลายไขมัน คือ การกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยการฉีดสารตัวยาจำพวก Phosphatidylcholine,L-carnitine, Vitamin B, Amino acids,Minerals, ,Deoxycholate หรือ อื่น ๆ เข้าไปในชั้นไขมันลึก ตั้งแต่ 0.1 -12 มม. เพื่อไปสลายชั้นไขมัน โดยไขมันที่ถูกทำลายจะถูกขับออกมาทางเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ ดังนั้น หลังจากการสลายไขมัน สาว ๆ ควรดื่มน้ำในปริมาณที่เยอะ เพื่อจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สลายไขมัน มีราคาแพงหรือไม่

สลายไขมันราคา สาว ๆ ทั้งหลายยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะใช้บริการการสลายไขมัน เพราะกลัวว่าจะมีราคาที่สูงมากจนเกินไป ซึ่งแต่ละคลินิกย่อมมีราคาที่แตกต่างกันออกไป สำหรับสาว ๆ ที่สนใจต้องการสลายไขมันราคา สามารถสอบถามข้อมูลการทางคลินิกก่อนได้ เพื่อคลินิกจะให้คำแนะนำหรือปรึกษาได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัว โรคประจำตัว ในเรื่องของราคา หรือข้อมูลที่ต้องการทราบต่าง ๆ อีกมากมาย เพื่อเป็นข้อมูลที่ช่วยให้มีการตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นเรื่องของราคานั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนพื้นที่ไขมันที่มีตามจุดของสาว ๆ นั่นเอง โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน ว่าตามจุดต่าง ๆ นั้นมีราคาเท่าไหร่

บทความแนะนำ Gynecomastia คือ จาก Rattinan.com

การสลายไขมันมีกี่วิธี

การสลายไขมันนั้น สามารถทำได้มากมายหลายส่วน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน จึงเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก สามารถเลือกสลายไขมันราคา ได้ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  1. การผ่าตัดดูดไขมัน (Liposuction)

เป็นวิธีที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน โดยการผ่าตัดใส่ท่อที่มีแรงดูดสุญญากาศเข้าไปดูดไขมัน ซึ่งก่อนการดูดไขมันแพทย์จะต้องออกแรงบีบและกระแทกอย่างแรงเพื่อให้ไขมันแตกตัว จึงจะสามารถดูดไขมันออกมาได้ ถือเป็นวิธีที่เห็นผลชัดเจนมากที่สุด และอันตรายมากที่สุดเช่นกัน ทำให้คนไข้มีอาการปวด เขียว ระบม  ซึ่งมีความเสี่ยงที่อาจทำให้เสียชีวิตลงได้ จึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมลดลง

  1. VASER การสลายไขมันด้วยคลื่นความถี่สูง อัลตร้าโซนิค VASER คือ การเจาะรูขนาดเล็ก ประมาณ 1 cm เพื่อสอด Probe Ultrasonic ซึ่งมีคุณสมบัติในการสลายเฉพาะไขมัน แต่ไม่ทำอันตรายกับอวัยวะข้างเคียง สามารถสลายไขมันได้ง่ายและมากกว่าการดูดไขมันแบบเดิม อีกทั้งยังปลอดภัยคนไข้ไม่ต้องดมยาสลบ หลังทำไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับบ้านได้เลย ถือว่ามีความปลอดภัยมากเช่นกัน
  2. MESO SLIM หรือ Mesotherapy MESO SLIM คือ การฉีดสารที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนไขมันให้สลายเผาผลาญกลายเป็นพลังงาน โดยใช้เข็มที่มีขนาดเท่าเส้นผม แม้จะได้ผลน้อยกว่า VASER แต่ข้อดีคือไม่ต้องผ่าตัด และรู้สึกเจ็บน้อยมาก
  3. CARBOXY CARBOXYการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มการเผาผลาญพลังงานจาก เซลล์ไขมัน และทำให้ไขมันถูกทำลายแตกตัวได้ง่ายขึ้น ข้อดีคือ เห็นผลและราคาไม่แพง แต่ข้อเสียคือ เจ็บพอสมควร เห็นผลช้ากว่า น้อยกว่า VASER และ MESO โดยต้องทำสัปดาห์ละครั้ง เริ่มเห็นผลใน 3-5ครั้ง เห็นผลชัดเจนเมื่อทำต่อเนื่อง 10-20ครั้ง
  1. CoolSculpting คือการกำจัดไขมันออกจากร่างกายด้วยความเย็น โดยใช้เทคโนโลยีที่คิดค้นและพัฒนาโดยทีมแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ส่งความเย็นในระดับจุดเยือกแข็ง -11 ถึง -13 °C ลงไปใต้ชั้นผิวหนังเข้าสู่ชั้นไขมัน จากนั้นความเย็นจะทำให้เซลล์ไขมันตายลง และถูกขับออกจากร่างกายโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือดูดออก ทำให้ไม่เกิดรอยแผล ขณะที่ในระหว่างการทำก็ไม่มีอาการเจ็บ ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้ยาชา หรือยาสลบเพื่อระงับอาการเจ็บปวด หลังจากทำเสร็จแล้วก็ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปทำงานหรือทำกิจกรรมตามปกติ

บทความแนะนำ กระชับจุดซ่อนเร้น By Rattinan.com

เคล็ดลับการสลายไขมันได้ด้วยตนเอง

  1. ลดน้ำตาล

ทุกครั้งที่รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเข้าไป ร่างกายจะแปลงน้ำตาลให้กลายเป็นไขมันแล้วเก็บสะสมไว้ในร่างกาย เมื่อมีไขมันสะสมในร่างกายมากเข้าก็จะทำให้เกิดเป็นโรคอ้วน มีไขมันอุดตันในเส้นเลือด สิ่งที่ควรปฏิบัติคือหลีกเลี่ยงน้ำหวาน น้ำอัดลม และลดปริมาณน้ำตาลในอาหารลง

  1. ทำกิจกรรมให้มากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้าน ล้างจาน ล้างรถ ซักผ้า หรือการเดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ ล้วนแล้วแต่ช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายได้เป็นอย่างดี ยิ่งเป็นงานที่ต้องใช้เวลาทำนานๆ จะสามารถเผาผลาญแคลอรีได้เป็นร้อยเลยทีเดียว เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาไปฟิตเนสหรือออกกำลังกายอย่างจริงจัง

  1. รับประทานอาหารเย็นเร็วขึ้น

ควรรับประทานเย็นให้เสร็จก่อนเข้านอนประมาณ 3 ชม. เพราะในขณะนอนหลับร่างกายต้องการพลังงานสำหรับควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ซึ่งร่างกายจะดึงเอาไขมันที่สะสมภายในร่างกายมาใช้เป็นพลังงาน โดยไม่จำเป็นต้องได้พลังงานจากอาหารแต่อย่างใด จึงช่วยให้เกิดการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี

  1. เดินหลังรับประทานอาหาร

เพียงแค่เดิน 10 นาทีหลังรับประทานอาหาร จะช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นและช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหาร การเดินมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตได้ดี ช่วยกำจัดกลูโคสออกจากระบบไหลเวียนโลหิต ซึ่งจะดีกว่าเดินออกกำลังกายเป็นระยะเวลานานในตอนเช้าเพียงอย่างเดียว